เอเอฟพี – บรรดาผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนเริ่มการประชุมสำคัญที่คาดว่าเป็นการปูทางเพื่อกระชับอำนาจของสี จิ้นผิง ซึ่งเชื่อกันว่าจะประกาศอยู่ในตำแหน่งต่ออีกสมัยในปีหน้า ตอกย้ำสถานะผู้นำทรงอิทธิพลที่สุดของจีนนับจากเหมา เจ๋อตง
สมาชิกราว 400 คนของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ เริ่มต้นการประชุมแบบปิดลับนาน 4 วัน ในวันจันทร์ (8 พ.ย.) ที่ปักกิ่ง ซึ่งสำนักข่าวซินหวาของทางการจีนรายงานว่า ประธานาธิบดีสีได้เปิดประชุมด้วยการนำเสนอรายงานผลการปฏิบัติงาน คำอธิบายร่างมติความสำเร็จ ประสบการณ์สำคัญตลอดประวัติศาสตร์ 100 ปีของพรรคคอมมิวนิสต์
ร่างมติดังกล่าวจะกำหนดทิศทางสำหรับการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 20 ที่จะมีขึ้นในปีหน้า ซึ่งคาดกันอย่างกว้างขวางว่า สีจะประกาศอยู่ในตำแหน่งต่อเป็นสมัยที่ 3 ตอกย้ำสถานะผู้นำทรงอิทธิพลที่สุดของจีนนับจากเหมา เจ๋อตง
สื่อของรัฐต่างพากันยกย่องความเป็นผู้นำของสี เช่น ซินหวาประกาศว่า สีเป็นผู้ที่มีความคิดลึกซึ้ง สืบทอดแนวทางดั้งเดิมแต่ก็กล้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มีวิสัยทัศน์แห่งอนาคต และมานะบากบั่น
ตลอดระยะเวลาที่สีดำรงตำแหน่ง จีนปราบปรามการทุจริตอย่างกว้างขวาง แต่ขณะเดียวกันก็ใช้นโยบายควบคุมปิดกั้นในดินแดนต่างๆ เช่น ซินเจียง ทิเบต และฮ่องกง และใช้แนวทางก้าวร้าวกับต่างชาติ
สียังสร้างลัทธิผู้นำที่ปิดกั้นการวิจารณ์ ปราบปรามศัตรู เผยแพร่นโยบายการเมืองของตนเองที่เรียกกันว่า “แนวคิดสีจิ้นผิง” ในโรงเรียน
คริส จอห์นสัน นักวิชาการอาวุโสของศูนย์เพื่อการศึกษายุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ กล่าวกับพ็อดแคสต์ ซิโนซิสม์ว่า มติใหม่อาจหมายถึงโอกาสที่สีจะได้ปัดกวาดบางสิ่งในประวัติศาสตร์ที่เขาไม่ชอบใจ ซึ่งรวมถึงการชูนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจมากเกินไปในช่วงทศวรรษ 1990
ก่อนหน้านี้ สีประกาศโครงการ “รุ่งเรืองไปด้วยกัน” เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำและควบคุมกิจการยักษ์ใหญ่ในประเทศเข้มงวดขึ้น
มติของคณะกรรมการกลางยังอาจเป็นการเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ครั้งที่ 3 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (ซีซีพี) โดยครั้งแรกนั้นผ่านความเห็นชอบในยุคเหมาเมื่อปี 1945 ซึ่งช่วยกระชับอำนาจของเหมาในพรรคในช่วง 4 ปีก่อนที่จะถูกยึดอำนาจ ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นในยุคเติ้ง เสี่ยวผิง ปี 1981 ซึ่งจีนใช้มาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจและยอมรับความผิดพลาดของวิธีการของเหมา
จอห์นสันสำทับว่า สำหรับครั้งล่าสุดนั้น สีอาจทำแบบที่เติ้งทำกับเหมาคือ วิจารณ์การชูนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิดประเทศมากเกินไป
นอกจากนั้น จังหวะเวลายังสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากจะเกิดขึ้นหนึ่งปีก่อนที่คาดกันว่า สีจะประกาศครองตำแหน่งต่อเป็นสมัยที่ 3 ระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคที่จัดขึ้นทุก 5 ปี
หลังจากยกเลิกการจำกัดวาระการครองตำแหน่งในบทแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2018 สีไม่ได้แต่งตั้งผู้สืบทอดอย่างชัดเจน และคาดว่า จะเป็นประธานาธิบดีต่อไปอย่างน้อยจนถึงปี 2027
อลิซ เอ็กแมน จากสถาบันเพื่อการศึกษาด้านความมั่นคงของสหภาพยุโรป กล่าวว่า สีได้เริ่มเขียนประวัติศาสตร์ใหม่แล้วในตำราของโรงเรียน มหาวิทยาลัย และสื่อ โดยมีการตัดผลงานที่ล้มเหลวออกจำนวนมาก เช่น การก้าวกระโดดครั้งสำคัญ (Great Leap Forward) และการปฏิวัติวัฒนธรรม และชูการดำเนินการของตนเองในฐานะเลขาธิการพรรค เอ็กแมนสำทับว่า มติใหม่คือความพยายามของสีในการคงอยู่ในฐานะผู้นำประเทศยาวนานขึ้น