เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – มีรายงานออกมาว่าในการฝึกซ้อมการรบจำลองเมื่อไม่นานมานี้ระหว่างนาวิกโยธินสหรัฐฯและนาวิกโยธินอังกฤษพบว่า ฝั่งอังกฤษสามารถบดขยี้ฝ่ายแยงกี้แบบไม่ทิ้งฝุ่นจนทำให้ฝ่ายสหรัฐฯต้องร้องขอ “รีเซ็ท” ครึ่งทางระหว่างการฝึกซ้อม 5 วันที่กลางทะเลทรายรัฐแคลิฟอร์เนีย
ฟอร์บส์รายงานเมื่อวานนี้(3 พ.ย)ว่า การฝึกซ้อมครั้งนี้เกิดขึ้นที่ศูนย์ฝึกภาคพื้นและอากาศของกองทัพนาวิกโยธินสหรัฐฯที่ทเวนตี้ไนน์ ปาล์มส์(Twentynine Palms)รัฐแคลิฟอร์เนียในการฝึกซ้อมกริชมรกต( Exercise Green Dagger)
ทั้งนี้พบว่าการฝึกเป็นเวลา 5 วันที่จำลองสถานการณ์สู้รบแบบเสมือนจริงมีทหารหน่วยนาวิกโยธินอังกฤษ 500 นายจากหน่วยคอมมานโดและหน่วยอื่นๆจำนวน 40 ยูนิต และกองกำลังนาวิกโยธินดัตช์ 120 นาย รวมไปถึงจากแคนาดาและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งบนเว็บไซต์ของกระทรวงกลาโหมอังกฤษได้แถลงถึงผลการรบจำลองกลางทะเลทรายโมฮาวี( Mojave Desert ) ระบุยืนยันว่า "ฝ่ายอังกฤษมีชัยชนะเด็ดขาด"
โดยในรายงานชี้ว่า กองกำลังนาวิกโยธินสหรัฐฯเป็นฝ่ายที่ยอมแพ้และขอ “รีเซ็ต” ใหม่และความเป็นจริงที่ว่ากองกำลังฝ่ายอังกฤษมีคะแนนเหนือกว่ามากในขณะที่ฝั่งสหรัฐฯตามมาอย่างยากลำบากแต่เป็นสิ่งที่แถลงการณ์ทางการของกองทัพนาวิกโยธินสหรัฐฯออกมาปฎิเสธไม่ต่างแก้ตัวในรายงานของบิสซิเนสอินไซเดอร์วันนี้(4)
ฟอร์บส์ชี้ว่า ในการรายงานของสื่ออังกฤษสัปดาห์ที่แล้วระบุว่า การฝึกซ้อมครั้งนี้ถูกออกแบบมาสำหรับการทดสอบความพร้อมของกำลังนาวิกโยธินสหรัฐฯสำหรับการถูกส่งไปต่างแดนและยังถือเป็นการทดสอบสำหรับอังกฤษสำหรับกองกำลังคอมมานโดหน่วยใหม่ของตัวเองที่หากต้องต่อสู้กับกองกำลังข้าศึกที่มีความชาญฉลาดและมีอาวุธยุทโธปกรณ์สูงเทียบเท่าตัวเองแล้วจะเป็นเช่นไร
“กองกำลังราชนาวิกโยธินอังกฤษมีชัยประสบความสำเร็จต่อเป้าหมายไปที่ฐานที่ตั้งกองกำลังฝ่ายสหรัฐฯและทรัพยากรสำคัญ และยังสามารถทำให้การตอบโต้จากฝ่ายอเมริกันกลายเป็นอัมพาต” หนังสือพิมพ์เดลีเทเลกราฟ สื่ออังกฤษ รายงาน
และในรายงานยังระบุต่อว่า “การฝึกซ้อมยุติลงในนาทีสุดท้ายที่ฝ่ายสหรัฐฯไม่สามารถต้านทานได้และทำให้ฝ่ายราชนาวิกโยธินอังกฤษสามารถเข้าควบคุมพื้นที่ได้มากกว่า 65% ของพื้นที่ทั้งหมดจากจุดเริ่มต้นที่มีไม่ถึง 20%”
เดลีเทเลกราฟรายงานว่า กองกำลังฝ่ายอังกฤษเหนือกว่าฝั่งอังกฤษด้วยการใช้หน่วยรบหน่วยใหม่เข้าต่อสู้ ซึ่งในการรบในจุดหนึ่งคอมมานโดอังกฤษสั่ง “kill board”การประเมินทางข่าวกรองของระดับความเสียหายที่เกี่ยวข้องกับยุทโธปกรณ์ของฝ่ายศัตรูและยูนิต ส่งผลทำให้เกิดความระส่ำไปทั่วทั้งของฝั่งอเมริกัน
การฝึกกริชมรกตเป็นการสู้รบเธีร์เตอร์ระดับนานาชาติในรูปแบบสงครามวอร์แฟร์แบบหลากหลายเกิดขึ้นตลอดในทั่วพื้นที่การฝึกซ้อมรบที่ถือว่าเป็นหนึ่งในจุดการฝึกซ้อมที่ใหญ่ที่สุดในโลก
พื้นที่การฝึกซ้อมที่ตั้งอยู่ภายในศูนย์ฝึกในเมืองทเวนตี้ไนน์ ปาล์มส์ครอบคลุมกว่า 3,500 ตารางกิโลเมตรที่มีทั้งภูเขาและทะเลทราย รวมไปถึงคอมเพล็กซ์สำหรับการฝึกทางการทหารจำนวนกว่า 1,200 สิ่งปลูกสร้างเฉพาะ โดยพื้นที่ศูนย์ฝึกนี้มีขนาดใหญ่เทียบเท่าประเทศลักเซมเบิร์กทั้งประเทศ
สิ่งที่ทำให้ฝ่ายนาวิกโยธินอังกฤษมีชัยพบว่า ฝั่งอังกฤษสามารถเข้าแทรกซึมจากทางด้านหลังและสร้างความปั่นป่วนด้วยการโจมตีไปที่เป้าหมายสำคัญซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีค่าของฝ่ายสหรัฐฯรวมไปถึงศูนย์ควบคุมปฎิบัติการและสามารถหยุดการตอบโต้จากฝั่งสหรัฐฯได้
สื่ออังกฤษชี้ว่า กองกำลังอังกฤษใช้บททดสอบจากการซ้อมรบครั้งนี้เพื่อทดสอบโครงสร้างของหน่วยตอบโต้ชายฝั่ง LRG ( Littoral Response Group)ซึ่งเป็นหน่วยกองกำลังคอมมานโดหน่วยใหม่ที่กำลังจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่
โดยการสร้างมีเป้าหมายเพื่อต้องการทำให้มีกองกำลังคอมมานโดสมรรถนะเคลื่อนที่ไวและมีความยืดหยุ่นสูงและสามารถทำงานร่วมกับเพื่อนและพันธมิตรชาติอื่นได้
ซึ่งในเวลานี้อังกฤษมีกองกำลังรบหน่วยตอบโต้ชายฝั่ง LRG แล้วถึง 2 หน่วยด่วยกันโดยหน่วยแรกตั้งฐานอยู่ในอังกฤษและอีกหน่วยประจำอยู่ในบริเวณอ่าวโอมานที่เมืองดูคุม(Duqm) โอมาน
สำหรับหน่วย LRG ที่มีฐานในโอมานจะวางเป้าหมายไปที่การเคลื่อนไหวทางการทหารของกองทัพอังกฤษในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกโดยเฉพาะ โดยเดลีเทเลกราฟกล่าวว่า หน่วย LRG ของอังกฤษแต่ละหน่วยจะมีศักยภาพสามารถทำงานร่วมกับกองเรือรบบรรทุกเครื่องบินเพื่อการโจมตีที่ฉับไวและมีประสิทธิภาพของปฎิบัติการรบที่ยาวนานไม่ว่าจะเป็นที่ใดในโลก
อย่างไรก็ตามฟอร์บส์ซึ่งเป็นสื่อของสหรัฐฯตั้งคำถามว่า "เป็นความจริงหรือ?" ที่ฝ่ายนาวิกโยธินอังกฤษบดขยี้ฝ่ายอเมริกันแบบไม่ทิ้งฝุ่นในการฝึกซ้อมล่าสุดภายใต้สถานการณ์จริง
โดยสื่อสหรัฐฯชี้ไปว่าเป็นความจริงที่ว่าถึงแม้ทั้ง 2 ฝ่ายจะเป็นนาวิกโยธินทั้งคู่แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้ว ราชนาวิกโยธินอังกฤษนั้นถูกจัดเป็นหน่วยคอมมานโดหรือหน่วยรบพิเศษที่มียุทธวิธีการรบขั้นสูงเทียบเท่าหน่วยรบพิเศษเดลต้าของกองทัพสหรัฐฯ หรือหน่วยรบพิเศษเรคอนยูนิตของกองทัพนาวิกโยธินสหรัฐฯ
ฟอร์บส์ชี้ว่า กองกำลังนาวิกโยธินสหรัฐฯในความเป็นจริงเป็นแค่ทหารธรรมดาในกองทัพสหรัฐฯซึ่งกองกำลังนาวิกโยธินสหรัฐฯมีพลรบเกือบ 200,000 นายที่มีจำนวนน้อยกว่ามากแต่มีความสามารถในการเคลื่อนกำลังพลได้อย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับกองทัพอื่นๆของสหรัฐฯ
ซึ่งในหลายประเทศกองกำลังนาวิกโยธินถือเป็นกองกำลังขนาดเล็กที่ถูกใช้ในปฎิบัติการทั้งบนบกและในน้ำหรือบุกเข้ายึดฐานทัพเรือ เป็นต้นว่า ทหารราบนาวีของรัสเซีย(Naval Infantry) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเฝ้าฐาน เฝ้าเรือ รักษาความปลอดภัย
ฟอร์บส์กล่าวอีกว่า หลังจากผลการฝึกซ้อมออกมาพบว่าหนังสือพิมพ์ในอังกฤษไม่รอช้าที่จะถากทางฝั่งอเมริกาโดยใช้คำที่เจ็บแสบเป็นต้นว่า “ยอมแพ้” “น่าอับอาย” หรือ “เหนือกว่า” เหมือนราวกับว่าสิ่งนี้เป็นการแก้แค้นตั้งแต่ในสมัยสงครามประกาศอิสรภาพอเมริกาเมื่อปี 1776 ระหว่างอังกฤษและอเมริกาที่ฝ่ายอังกฤษพ่ายแพ้แก่พวกแยงกี้ที่ซาราโกต้า(Saratoga)และยอร์กทาวน์( Yorktown) หรือความทรงจำขมขื่นที่พวกแยงกี้ต้องกลายเป็นพาร์ทเนอร์คนสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษ-อเมริกันหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังไงยังงั้น