@NBCNews @MSNBC @FoxNews @CNN flight from JFKtoSNA had to make an emergency landing in Denver after this man punched a female flight attendant breaking her nose, sending her to the hospital. A direct flight now delayed an hour waiting for another crew member bc of his selfishness pic.twitter.com/8wBFGm0NiQ— m (@m6225r) October 28, 2021
อัยการสหรัฐฯในโคโลราโดเมื่อวันจันทร์(1พ.ย.) ตั้งข้อหาหนุ่มวัย 32 ปีจากแคลิฟอร์เนีย จากกรณีทำร้ายร่างกายแอร์โฮสเตสสาวรายหนึ่งบนเที่ยวบินของสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ส เมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้เครื่องบินต้องเบี่ยงไปลงจอดในเดนเวอร์
เที่ยวบินจากนิวยอร์ก มุ่งหน้าสู่เมืองแซนตาแอนา รัฐแคลิฟอร์เนีย ต้องลงจอดนอกกำหนดในเดนเวอร์ หลังเกิดเหตุทำร้ายร่างกาย ซึ่งพวกผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่าพนักงานต้อนรับบนเที่ยวบินรายหนึ่งถูกต่อยเข้าที่จมูก ส่งผลให้มีเลือดออกและกระทบกระเทือนทางศีรษะ
ไบรอัน ซู จากเมืองเออร์ไวน์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งถูกตั้งข้อหารบกวนการทำงานของลูกเรือเที่ยวบินอีกข้อหา และอูทัมน์ สเปท ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ กำหนดวงเงินประกัน 10,000 ดอลลาร์ หลังเขาถูกนำตัวขึ้นศาลในเบื้องต้นเมื่อวันจันทร์(1พ.ย.) ก่อนที่เขาจะได้รับการประกันตัวออกไป
นอกจากนี้ ผู้พิพากษาสเปท ยังสั่งให้เขาไปปรากฏตัวต่อหน้าศาลในเดนเวอร์ ในวันที่ 15 พฤศจิกายน เพื่อรับฟังการพิจารณาคดีและยื่นเอกสารการประเมินสุขภาพจิต
สายการบินต่างๆของสหรัฐฯรายงานพบเจอเหตุการณ์ความรุนแรงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ และสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯประกาศใช้มาตรการอดทนเป็นศูนย์กับพวกผู้โดยสารที่มีพฤติกรรมเกเรบนเที่ยวบิน
ในวิดีโอที่โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ ดัก พาร์เกอร์ ซีอีโอของอเมริกัน แอร์ไลน์ ระบุว่าเหตุการณ์เมื่อวันพุธ(27ต.ค.) "ถือเป็นหนึ่งในพฤติกรรมเกเรเลวร้ายที่สุดที่เราเคยเจอ" พร้อมบอกว่าทางสายการบินกำลังให้การสนับสนุนพนักงานต้อนรับผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มที่ และเตรียมออกคำสั่งไม่ให้ชายที่ถูกกล่าวหาทำร้ายร่างกายเธอ ใช้บริการของสายการบินอีก
"เท่านั้นยังไม่พอ เรากำลังทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อรับประกันว่าเขาจะถูกดำเนินคดีในขอบเขตเต็มเหนี่ยวที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" เขากล่าว
เจ้าหน้าที่เอฟบีไอรายหนึ่งระบุในคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งให้ข้อมูลว่า ซู ชกเข้าบริเวณใบหน้าของพนักงานต้อนรับบนเที่ยวบิน ใกล้ๆกับห้องน้ำ
พนักงานต้อนรับบนเที่ยวบินรายดังกล่าวรู้สึกวิงเวียนศีรษะหลังจากเสร็จสิ้นเที่ยวบิน และถูกหามเปลลงจากเครื่องบิน จากนั้นเธอถูกพาตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งแพทย์แจ้งว่าเธอมีอาการกระทบกระเทือนทางศีรษะ(concussion) ขณะที่เธอบอกกับเอฟบีไอ ว่าจนถึงตอนนี้ เธอยังคงปวดจมูก ศีรษะและบริเวณไซนัส
ซู ให้ปากคำกับเอฟบีไอ ว่าเขากำลังเดินทางจากนิวยอร์ก มุ่งหน้ากลับบ้านในแคลิฟอร์เนียหลังเข้ารับการผ่าตัดสมองในโรด ไอส์แลนด์ เขาเล่าว่าระหว่างอยู่บนเที่ยวบิน เขาเกิดชนกับพนักงานต้อนรับโดยไม่ตั้งใจ และอ้างว่าจากนั้นพนักงานต้อนรับก็พุ่งเข้าหาเขา ทำให้เขาต้องสวนกลับไป ใช้ฝ่ามือขวาทุบเข้าบริเวณจมูกของเธอ
อย่างไรก็ตามพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ให้ข้อมูลที่ต่างออกไป เธอเล่าว่าถูกเล่นงานที่ศีรษะตอนที่กำลังพูดคุยกับพนักงานต้อนรับบนเที่ยวบินอีกคน หลังจากบอกให้ผู้โดยสารรายนี้นั่งลง เพราะว่าไฟสัญญาณเตือนเข็มขัดนิรภัยสว่างขึ้น "ผู้โดยสารชายยกแขนขึ้น ทำเหมือนกับว่าเขากำลังกางแขนออก แต่มันโดนศีรษะของเธอ" เอฟบีไอกล่าว
พนักงานต้อนรับบนเที่ยวบินเล่าต่อว่าเธอทำท่าป้องกันตนเอง แต่จากนั้นเขาเหวี่ยงแขนเข้าใส่เธอตอนกำลังล้มลุกคลุกคลาน ผู้โดยสารรายนี้ทำท่าจะถอยหลังกลับ แต่ต่อมาก็พุ่งเข้าหาเธออีกครั้งและเล่นงานเธอบริเวณใบหน้า จากคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรของเอฟบีไอ
เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ออกคำสั่งให้กระทรวงยุติธรรมจัดการกับเหตุการณ์ความรุนแรงบนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยจนถึงวันที่ 25 ตุลาคม มีรายงานเกี่ยวกับพฤติกรรมเกเรของผู้โดยสารบนเที่ยวบินต่างๆถึง 4,941 เหตุการณ์ ในนั้น 3,580 เหตุการณ์ เกี่ยวข้องกับกฎระเบียบปกปิดใบหน้าป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
(ที่มา:รอยเตอร์)