เอเจนซีส์ – ตั้งแต่ออสเตรเลียไปจนถึงญี่ปุ่นและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้เริ่มต้นละทิ้งมาตรการโควิด-19 เป็นศูนย์หันไปหามาตรการอยู่ร่วมกับโควิด-19 ผ่อนคลายมาตรการจำกัดทั้งหลายและเปิดพรมแดนประเทศของตัวเองทิ้งให้จีนในเวลานี้ต้องถูกโดดเดี่ยวมากขึ้น
CNN สื่อสหรัฐฯรายงานวันนี้(1 พ.ย)ว่า จีนซึ่งเป็นประเทศแรกที่พบการระบาดโรคโควิด-19เมื่อเกือบ 2 ปีก่อนยังคงยึดมั่นมาตรการโควิด-19เป็นศูนย์ต้องการให้ไวรัสโคโรนาภายในพรมแดนของตัวเองหายไปพร้อมไปกับเจ้าหน้าที่ของที่นั่นไม่มีการส่งสัญญาณว่าจะลดความพยายามลง
และถึงแม้ปัจจุบันนี้มางจีนจะประสบความสำเร็จสามารถแจกวัคซีนโควิด-19ครบ 2 โดสให้กับประชาชนทั่วประเทศไปแล้วไม่ต่ำกว่า 75% แต่จีนยังคงมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวดไม่ว่าจะเป็นการปิดพรมแดน มาตรการกักกันโรคที่สลับซับซ้อนสำหรับกลุ่มที่เดินทางมาจากนอกประเทศและสั่งล็อกดาวน์พื้นที่ทันทีที่พบการระบาดเป็นต้น
ในเมือง Lanzhou ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีนซึ่งมีประชากร 4 ล้านคนในวันอังคารที่ผ่านมา(26 ต.ค)ต้องถูกสั่งล็อกดาวน์หลังจากพบการเกิดเคสใหม่เพียงแค่ 6 เคสเท่านั้น และมาจนถึงเวลานี้เมืองแห่งนี้มีเคสใหม่เพิ่ม 68 เคสเพิ่มขึ้นจากการระบาดล่าสุด
และดูเหมือนว่าแนวทางการปฎิบัตินี้จะยังคงอยู่ต่อไปอย่างน้อยในเวลานี้ถึงแม้ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจีนจะเคยออกมาชี้ว่า สามารถผ่อนคลายมาตรการทางสาธารณสุขลงได้หากว่าจีนประสบความสำเร็จสามารถแจกวัคซีนโควิด-19ให้กับประชาชนไปแล้วไม่ต่ำกว่า 85% แต่นักวิเคราะห์ต่างชี้ว่ามาตรการจำกัดที่เข้มงวดเหล่านี้ไม่น่าที่จะถูกผ่อนคลายลงภายใน 12 เดือนหลังจากนี้
แต่สำหรับประเทศเพื่อนบ้านจีนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอาจจะต่างออกไปเป็นเพราะตั้งแต่วันจันทร์(1)เป็นต้นไป “เกาหลีใต้” เริ่มต้นมาตรการอยู่ร่วมกันกับไวรัสถึงแม้จะมีตัวเลขการยืนยันเคสใหม่นับพันในแต่ละสัปดาห์ก็ตาม มาตรการใหม่อนุญาตให้ประชาชนสามารถรวมกลุ่มในพื้นที่ส่วนตัวสูงสุด 10 คนต่อครั้งทั่วประเทศ และอนุญาตให้ธุรกิจส่วนใหญ่กลับมาทำการได้ตามปกติหลังการใช้เคอร์ฟิวสิ้นสุด
และที่ “ญี่ปุ่น” ในกรุงโตเกียวพบว่าได้มีการสั่งยกเลิกเคอร์ฟิวสำหรับผับบาร์และร้านอาหารเมื่อสิ้นเดือนตุลาคมโดยที่ญี่ปุ่นยังคงมีจำนวนเคสใหม่หลายร้อยเคสต่อวันก็ตาม
อย่างไรก็ตาม CNN ชี้ว่าทั้งเกาหลีใต้และญี่ปุ่นยังคงมีการควบคุมพรมแดนอย่างเข้มงวด รวมไปถึงสั่งการกักตัวสำหรับการเดินทางเข้าประเทศส่วนใหญ่ แต่ตั้งแต่วันนี้(1)เป็นต้นไป “ไทย” ซึ่งใช้มาตรการอยู่ร่วมกับโควิด-19เช่นกันได้เปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 63 ประเทศทั่วโลกโดยที่นักเดินทางเหล่านี้ต้องแสดงหลักฐานว่าได้รับวัคซีนโควิด-19ครบและมีผลการตรวจหาไวรัสเป็นลบ
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานเพิ่มเติมว่า ไทยกลับมาเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งหลังปิดไปนานร่วม 18 เดือนและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สามารถแสดงหลักฐานทางการแพทย์ทั้งหมดจะไม่ต้องกักตัวหลังเดินทางมาถึง
โดยไทยตั้งความหวังว่ามาตรการนี้ที่ถูกใช้ก่อนหน้าช่วงพีคของฤดูการท่องเที่ยวจะสามารถกู้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่วิกฤติในช่วงโควิด-19ได้ โดยการท่องเที่ยวคิดเป็น 20% ของตัวเลขGDP ซึ่งในจำนวน 63 ประเทศที่ได้รับอนุญาตให้บินเข้ามารวมถึงนักท่องเที่ยวจากจีน สหรัฐฯ หลายชาติจากยุโรปเช่น อังกฤษ และจากประเทศเพื่อนบ้านจำนวนมาก
โดยในรายละเอียดนักท่องเที่ยวจำเป็นต้องแสดงหลักฐานการรับภูมิคุ้มกันจากวัคซีนโควิด-19ครบโดส ผลการตรวจโควิด-19ทั้งก่อนและหลังจากที่เดินทางถึงแล้ว และยังต้องพักค้างคืนแรกที่โรงแรมตามที่รัฐบาลกำหนด รวมไปถึงต้องมีประกันโควิด-19ภายใต้เงินวงประกัน 50,000 ดอลลาร์
ทั้งนี้เมื่อเดือนที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาได้กล่าวแสดงเหตุผลที่ต้องการให้ไทยกลับมาเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง โดยชี้ว่าทั้งอังกฤษ สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ล้วนผ่อนคลายมาตรการจำกัดทางการเดินทางต่อประชาชนของชาติเหล่านั้น ดังนั้นไทยต้องรีบทำอย่างฉับไวแต่ต้องทำอย่างระมัดระวังในการเชิญชวนบุคคลเข้าประเทศ
เดอะการ์เดียนกล่าวว่า ปัจจุบันอังกฤษได้ลบรายชื่อประเทศในกลุ่มสีแดงทั้งหมดแล้ว
ด้านนายกสมาคมโรงแรมไทย มาริสา สุโกศล หนุนภักดี กล่าวว่าการกลับมาเปิดอีกครั้งถือเป็นก้าวแรกนำไปสู่การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย
“มันเป็นสิ่งที่ช้ามานานมากสำหรับธุรกิจโรงแรม พวกเราปิดมาอย่างยาวนาน (และ)หากว่าการปิดนั้นถูกขยายระยะเวลาออกไปอุตสาหกรรมคงต้องล้ม ไม่ใช่ทั้งอุตสาหกรรมแต่เป็นโรงแรมที่ขาดเงินสดหมุนเวียน”
และเสริมต่อว่า “แม้ว่าจะมีโรงแรมเพียงไม่กี่แห่งที่มีเงินสดหมุนเวียนพอที่จะทำให้โรงแรมกลับมาเปิดได้ใหม่ แต่พนักงานยังคงไม่ได้รับการจ่ายจ้างเต็มพวกเขาและเธอทำงานแบบพาร์ทไทม์”
ด้าน แกรี บาวเวอร์แมน (Gary Bowerman) ผู้อำนวยการเช็ก-อินเอเชีย (Check-in Asia) บริษัทที่ปรึกษาทางการท่องเที่ยวแสดงความเห็นว่า การกลับมาเปิดประเทศให้การต้อนรับนักเดินทางต่างชาติของไทยถือเป็นก้าวที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆที่ยังคงระมัดระวังแต่ชี้ว่า ถึงแม้จะกลับมาเปิดแล้วแต่ยอดจำนวนนักท่องเที่ยวคงจะต่ำกว่าเมื่อครั้งก่อนวิกฤติโควิด-19
และเตือนไปยังนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาให้ต้องทำใจที่ต้องพบกับมาตรการหลายอย่างเป็นต้นว่า การตรวจหาโควิด-19 และการกำหนดเงินประกันภัยโควิด-19ซึ่งเป็นของใหม่