xs
xsm
sm
md
lg

โลกรำลึกอาลัยผู้ตายเพราะโควิด 19 ด้วยสัญลักษณ์ลึกซึ้งจับใจ ขณะที่สถิติทะลุ 5 ล้านราย ณ ฮาโลวีน 2021

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ในเดือนตุลาคม 2021 ซึ่งจำนวนผู้วายชนม์ด้วยเชื้อไวรัสโคโรนายังทวีขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สหรัฐอเมริกากับอินเดีย และยอดตายโดยรวมทั่วโลกพุ่งทะยานเข้าหาหลักหมายที่ 5 ล้านรายนั้น บราซิลมีส่วนอยู่ด้วยอย่างมากมาย เพราะเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด 19 สูงสุดอันดับ 3  ดังนั้น ในวันฟ้าใสแจ่มกระจ่างเมื่อ 15 ตุลาคม 2021 ที่บริเวณหน้าอาคารรัฐสภาบราซิลในกรุงบราซีเลีย ชาวบราซิลลุกขึ้นมาร่วมกันจัดกิจกรรมต่อต้านรัฐบาลที่ล้มเหลวในการแก้ไขและป้องกันปัญหาวิกฤติโรคระบาดโควิด 19 ซึ่งทำให้ประชาชนติดเชื้อไวรัสโคโรนา และเสียชีวิตกันมหาศาล รวมมากกว่า 600,000 ราย  ในภาพนี้ เฟอร์นันดา บราโว ครูซ (กลาง) และคุณแม่ (ขวา) ได้เข้าร่วมการประท้วงต่อต้านเชิงสัญลักษณ์แห่งการปักธงสีขาว โดยในตอนหนึ่งหลังจากที่ได้ปักธงสีขาวที่เธอบรรจงจารึกนามของคุณพ่อผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด 19 เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา เฟอร์นันดาอดไม่ได้ที่จะร่ำไห้คิดถึงคุณพ่อ ผู้ซึ่งเธอเชื่อว่าน่าจะมีอายุยืนยาวได้อีกหลายสิบปี หากไม่เกิดโรคระบาดรุนแรงที่ควรจะป้องกันได้ ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา
ขณะที่จำนวนผู้วายชนม์ด้วยไวรัสโคโรนาขยับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทำสถิติทะลุหลักหมายที่ 5 ล้านราย เมื่อวันฮาโลวีน 31 ตุลาคม 2021 ที่ตัวเลข 5,013,268 นั้น ภายใน “แบร์กาโม” เมืองแสนสวยของอิตาลี ที่ต้องบอบช้ำสาหัสจากการโจมตีระลอกแรกของโรคโควิด-19 ในดินแดนรองเท้าบู้ต ชาวเมืองช่วยกันสร้างสวนป่าเชิงสัญลักษณ์ประทับใจขึ้นมา เพื่ออุทิศแด่ผู้เสียชีวิตจากมหาวิบัติโรคระบาด พร้อมกับจะให้เป็นเครื่องรักษาความทรงจำรำลึกถึงผู้วายชนม์

ทั้งนี้ สวนป่าที่ระลึก ซึ่งปลูกสร้างขึ้นภายในสวนสาธารณะตรงข้ามโรงพยาบาลใหญ่ที่กลายเป็นเรือนตายของผู้ป่วยหนักด้วยเชื้อโควิด 19 และต้องจากไปในอาการขาดอากาศหายใจ ถูกหมายให้ทำหน้าที่ผลิตออกซิเจนขึ้นมาหล่อเลี้ยงมนุษยชาติ

แบร์กาโม ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคเหนือของอิตาลี เป็นหนึ่งในชุมชนต่างๆ มากมายทั่วโลก ที่สรรค์สร้างอนุสรณ์สถานเครื่องรำลึกถึงชีวิตผู้คนซึ่งสูญเสียไปในโรคระบาดใหญ่ ขณะที่ยอดผู้วายชนม์ที่ยืนยันแล้วในทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและผ่านหลัก 5 ล้านอันน่าสะเทือนใจไปเรียบร้อยแล้ว

อนุสรณ์สถานและเครื่องรำลึกเหล่านี้ปรากฏขึ้นมาได้อย่างลึกซึ้งและน่าทึ่ง โดยบางแห่งมาจากจินตนาการของศิลปิน บางแห่งเป็นข้อเสนอของกลุ่มประชาชน และในอีกหลายๆ แห่งนั้น เป็นการแสดงออกถึงความเจ็บปวด เศร้าสลดและความคับข้องทรมานใจของผู้คน ซึ่งปะทุออกมาเองอย่างซื่อๆ ง่ายๆ แต่จับใจ ในการนี้ ในทุกหนทุกแห่ง ภารกิจของการสร้างเครื่องรำลึกร่วมกันขึ้นมาล้วนประสบความยากลำบาก ภายในสถานการณ์ที่โรคระบาดใหญ่ยังเชี่ยวกรากและห่างไกลจากการพ่ายแพ้ โดยที่ยังมีผู้เสียชีวิตรายใหม่ๆ เพิ่มเติมขึ้นมาให้ต้องรู้สึกเศร้าโศกเสียใจไม่ขาดสาย

เครื่องรำลึกซึ่งได้พบเห็นกันมากได้แก่ ธงขนาดเล็ก รูปหัวใจ และแถบริ้วริบบิ้น วัสดุเรียบง่ายเหล่านี้มุ่งให้เป็นตัวแทนของเหยื่อผู้วายชนม์จากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และติดประดับตามอนุสรณ์สถานซึ่งแลดูงดงามสะดุดตาน่าประทับใจ ตั้งแต่ในกรุงลอนดอนจนถึงวอชิงตัน ดี.ซี. และจากบราซิลจรดไปถึงแอฟริกาใต้

แบร์กาโม เมืองงดงามทางภาคเหนือของอิตาลี ถูกขนานนามให้เป็น “อู่ฮั่นแห่งอิตาลี” เพราะแบร์กาโมเป็นศูนย์กลางการระบาดของโควิด 19 เมื่อปี 2020 โดยได้รับความเสียหายสาหัสที่สุดของประเทศในช่วงการถูกไวรัสร้ายโจมตีระลอกแรก  ในภาพนี้ที่บันทึกไว้เมื่อ 17 มีนาคม 2020 เมืองแบร์กาโมขึงธงชาติไว้ด้านหน้าตึกพระราชวัง Palazzo Medolago Albani ในเขต Bergamo Alta ซึ่งเป็นเขตเมืองโบราณและอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลมากที่สุด โดยธงชาติอิตาลีถูกขึงขึ้นมาเรียกขวัญและกำลังใจของผู้คนให้ต่อสู้กับโรคระบาดเกิดใหม่ครั้งวิกฤติที่สุดครั้งหนึ่งที่เคยเกิดขึ้นในดินแดนแห่งอารยธรรมแห่งนี้

ชาวเมืองแบร์กาโมช่วยกันปลูกสร้างสวนป่าแห่งความทรงจำขึ้นมา เพื่ออุทิศแด่ผู้เสียชีวิตจากมหาวิบัติโรคระบาดโควิด 19 พร้อมกับจะให้เป็นเครื่องรักษาความทรงจำรำลึกถึงผู้วายชนม์ โดยสวนป่านี้ปลูกสร้างขึ้นภายในสวนสาธารณะทรัคคา ในภาพนี้ ที่บันทึกไว้เมื่อ 26 ตุลาคม 2021 สวนป่ายังมีต้นไม้เพียง 100 ต้น และจะทยอยปลูกให้ครบ 700 ต้นตามที่กำหนดไว้ในโครงการผลิตออกซิเจนขึ้นมาหล่อเลี้ยงมนุษยชาติ
‘ทุ่งธงขาว’ ที่ระลึกผู้วายชนม์จากไวรัสโคโรนา ณ วอชิงตัน ดี.ซี.

ณ อุทยานแห่งชาติ “เนชั่นแนล มอลล์” (National Mall) ในนครหลวงของสหรัฐอเมริกา ธงเล็กๆ สีขาวอันมากมายมหาศาลที่ปักเรียงรายไปทั่วพื้นที่กว้างขวางราว 50 ไร่ สร้างแรงกระทบต่อหัวจิตหัวใจของผู้พบเห็นได้รุนแรง ธงแต่ละธงมุ่งเป็นตัวแทนของชาวอเมริกันแต่ละคนจำนวนรวมแล้วกว่า 740,000 ราย ซึ่งถูกคร่าชีวิตไปโดยโควิด-19 ตัวเลขตรงนี้ถือเป็นยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการสูงที่สุดยิ่งกว่าประเทศใดๆ ในโลก

หนึ่งในผู้ได้รับการเชิดชูรำลึกถึงจากทุ่งธงขาวแห่งนี้ คือ ดร.แครีย์ อเล็กซานเดอร์ วอชิงตัน แห่งรัฐเซาท์แคโรไลนา ผู้เสียชีวิตขณะอายุ 80 ปี เขาได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันครบถ้วน แต่ก็ได้รับเชื้อไวรัสนี้ขณะที่ยังคงทำงานในฐานะนักจิตวิทยาคลินิกเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อิซซี่ หลานสาววัย 6 ขวบของเขาเป็นลมล้มพับด้วยความเศร้าเสียใจเมื่อได้เห็นธงที่เขียนชื่อ “ป๊าป๋า” ของเธอ โดยช่วงจังหวะดังกล่าวมีช่างภาพผู้หนึ่งถ่ายภาพเอาไว้ได้พอดี และนำออกมาแชร์ทางทวิตเตอร์

“ครอบครัวดิฉันก็เหมือนครอบครัวอื่นๆ เรายังเศร้าเสียใจกันอยู่ค่ะ” ทันยา บุตรสาวของดร.วอชิงตันกล่าว เธอเดินทางจากเมืองแอตแลนตามาเยี่ยมอนุสรณ์สถานแห่งนี้ “เราถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะร่วมเป็นประจักษ์พยานถึงการให้เกียรติแก่พวกเขา มันเป็นการให้ปากให้เสียงแก่ผู้เป็นที่รักของพวกเราทุกๆ คนที่ต้องสูญเสียชีวิตไป”

ในวันที่ 17 กันยายน 2021 ซูซานเน่ เบรนแนน เฟียร์สเต็นเบอร์ก จัดกิจกรรมศิลปะระลึกถึงผู้วายชนม์เพราะโรคระบาดอุบัติใหม่ โควิด 19 ในหัวข้อว่า “เกิดขึ้นในอเมริกา: จงอย่าได้ลืมเลือน” ณ อุทยานแห่งชาติ “เนชั่นแนล มอลล์” (National Mall) ในนครหลวงของสหรัฐอเมริกา โดยในกิจกรรมศิลปะนี้ มีการปักธงเล็กๆ สีขาวอันมากมายมหาศาลกว่า 630,000 อัน เรียงรายไปทั่วพื้นที่กว้างขวางราว 50 ไร่ ภาพที่เกิดขึ้นสามารถสร้างแรงกระทบต่อหัวจิตหัวใจของผู้พบเห็นได้รุนแรง  ในภาพนี้ โซอี้ นาสซิมอฟฟ์ สาวน้อยอาร์เจนไตน์ นั่งอยู่ในท่ามกลางริ้วธง และระลึกถึงคุณตาซึ่งมาลงหลักปักฐานสร้างครอบครัวขึ้นในฟลอริดา ก่อนที่จะต้องจบชีวิตเพราะโรคโควิด 19
‘กำแพงแห่งดวงใจ’ ณ กรุงลอนดอน

ในกรุงลอนดอน เครื่องรำลึกที่ทำเป็นกำแพงอนุสรณ์ ก็ถ่ายทอดความรู้สึกสูญเสียพร้อมกับเชิดชูผู้วายชนม์ได้ในทำนองเดียวกัน กำแพงยาวเหยียดเลียบริมแม่น้ำเทมส์ ถูกประดับด้วยรูปหัวใจสีชมพูและสีแดง ซึ่งบรรดาญาติมิตรของผู้จากไปเพราะไวรัสโควิด ได้มาเพนต์และเขียนข้อความไว้อาลัยเอาไว้

หากเราเดินทางตลอดแนวกำแพงอนุสรณ์แห่งนี้โดยไม่หยุดอ่านชื่อและข้อความรำลึกใดๆ เลย เราต้องใช้เวลานานถึง 9 นาทีเต็ม ดวงใจงดงามเหล่านี้เป็นตัวแทนของผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาจำนวนมากกว่า 140,000 คนในสหราชอาณาจักร อันเป็นยอดสูงสุดอันดับ 2 ของยุโรป โดยเป็นรองลงมาจากรัสเซียเท่านั้น แต่ก็เฉกเช่นเดียวกับที่อื่นๆ ในโลก จำนวนที่แท้จริงนั้นประมาณการกันว่าน่าจะสูงกว่านั้นเยอะ นั่นคือไม่น้อยกว่า 160,000 ราย

“มันกระแทกความรู้สึกของผู้ที่ได้พบเห็น” ฟราน ฮอลล์ โฆษกหญิงของกลุ่ม “ครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เรียกร้องความยุติธรรม” (COVID-19 Bereaved Families for Justice) กล่าว ตัวเธอเองสูญเสียสามี สตีฟ มีด ในเดือนกันยายน 2020 หนึ่งวันก่อนวันเกิดครบรอบ 66 ปีของเขา

“ทุกๆ ครั้งที่พวกเรามากันที่นี่ ผู้คนจะแวะมาคุยกับพวกเรา บ่อยครั้งเลยที่พวกเขารู้สึกสะเทือนใจจนน้ำตาไหลขณะที่พวกเขาเดินจากไป และขอบคุณพวกเรา”

อแมนดา เฮอร์ริง ศิลปินอาสาสมัครของกลุ่ม “ครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากโควิด 19 เรียกร้องความยุติธรรม” (COVID-19 Bereaved Families for Justice) ทำการเติมสีลงบนรูปหัวใจที่ประดับบนกำแพงอนุสรณ์อันยาวเหยียดเลียบริมแม่น้ำเทมส์ ในเขตเวสต์มินส์เตอร์ กรุงลอนดอน เมื่อวันศุกร์ 15 ตุลาคม 2021 โดยรูปหัวใจสีชมพูและสีแดงเหล่านี้ บรรดาญาติมิตรของผู้จากไปเพราะไวรัสโควิด ได้มาเพนต์และเขียนข้อความไว้อาลัยเอาไว้  ทั้งนี้ พี่ชายของ อแมนดา นามว่า มาร์ก ก็เสียชีวิตด้วยโรคโควิด 19 เหมือนผู้คนนับล้านในสหราชอาณาจักร
ธงประท้วงนับพันที่บราซิล โจมตี ปธน. แก้ปัญหาโควิด 19 ล้มเหลว และริบบิ้นน้ำเงิน-ขาวที่รั้วโบสถ์ในแอฟริกาใต้

ในกรุงบราซีเลีย เมืองหลวงของบราซิล ญาติมิตรของเหยื่อผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ร่วมกันปักธงเล็กๆ สีขาวจำนวนหลายพัน ที่บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภาบราซิลเป็นเวลา 1 วัน เพื่อประท้วงนโยบายแก้ปัญหาวิกฤติโรคระบาดโควิด 19 ที่ประธานาธิบดีดำเนินการได้ล้มเหลว และเป็นเหตุให้ประชาชนเสียชีวิตมากกว่า 600,000 ราย การประท้วงเชิงสัญลักษณ์ซึ่งเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกนี้ มุ่งหมายที่จะกระตุ้นความตระหนักรับรู้ถึงโศกนาฏกรรมครั้งประวัติศาสตร์ที่บราซิลสร้างสถิติจำนวนผู้เสียชีวิตด้วยไวรัสโคโรนา สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก

ส่วนในแอฟริกาใต้ ผู้คนนำเอาริบบิ้นสีน้ำเงินและสีขาวมาผูกไว้กับรั้วของโบสถ์เซนต์เจมส์เพรสไบทีเรียน ในเมืองเบดฟอร์ดการ์เดนส์ ทางด้านตะวันออกของเมืองโจฮันเนสเบิร์ก เพื่อระลึกถึงผู้เสียชีวิตจำนวน 89,000 คน ริบบิ้นสีน้ำเงินแต่ละเส้นมุ่งให้หมายถึงจำนวน 10 ชีวิต ส่วนสีขาวคือ 1 ชีวิต

ธงสีขาวกว่า 600 อัน ถูกปักเรียงรายบนพื้นที่บริเวณหน้าอาคารรัฐสภาบราซิลในกรุงบราซีเลีย เมื่อ 15 ตุลาคม 2021 โดยญาติมิตรของผู้คนที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาและเสียชีวิตซึ่งมีจำนวนมหาศาล กิจกรรมรำลึกถึงผู้วายชนม์นี้จัดขึ้นเพื่อต่อต้านรัฐบาลบราซิลที่ล้มเหลวในการแก้ไขและป้องกันปัญหาวิกฤติโรคระบาดโควิด 19 และทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้นมากกว่า 600,000 ราย สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก

สองแม่ลูกพินิจมองบรรดาริ้วแถบริบบิ้นสีน้ำเงินและสีขาว ที่ผู้คนผูกไว้กับรั้วของโบสถ์เซนต์เจมส์เพรสไบทีเรียน ในเมืองเบดฟอร์ดการ์เดนส์ ประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อ 24 ตุลาคม 2021
อนุสรณ์สถานและเครื่องระลึกเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้จากไป ถูกเสกสรรค์และพัฒนาขึ้นอย่างหลากหลายลึกซึ้งในนานาประเทศทั่วโลก

การจดจำรำลึกถึงเหยื่อผู้เสียชีวิตในสงคราม การกระทำอันโหดร้ายป่าเถื่อน และแม้กระทั่งวิกฤติการณ์ระบบสาธารณสุข นั้น มีการวิวัฒนาการขึ้นมาเรื่อยๆ ตลอดหลายยุคหลายสมัย

นับจากหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นต้นมา อนุสาวรีย์ชัยชนะของเหล่านายพลผู้พิชิตต้องหลีกทางและถูกแทนที่โดย สุสานทหารนิรนาม เพื่อเป็นการระลึกถึงการพลีชีพเสียสละของทหารธรรมดาสามัญทั้งหลาย ทั้งนี้ อนุสาวรีย์ประตูชัย (Arche de Triomphe) ในกรุงปารีส เป็นหนึ่งในอนุสรณ์แรกๆ ในแนวคิดดังกล่าว

“สงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นหลักหมายสำคัญ ซึ่งดูจะสอดคล้องเข้ากันกับยุคของเราเป็นพิเศษ เนื่องจากมันตามหลังมาด้วยโรคระบาดไข้หวัดใหญ่ปี 1918” หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า ไข้หวัดใหญ่สเปน นี่เป็นความเห็นของ เจนนิเฟอร์ แอลเลน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเยล ในสหรัฐฯ ผู้ซึ่งสนใจศึกษาเรื่องวัฒนธรรมของเครื่องจดจำและอนุสรณ์สถาน

อย่างไรก็ดี โรคระบาดใหญ่ไข้หวัดใหญ่สเปนคราวนั้น ดูแทบไม่ค่อยได้รับการรำลึกกันเอาเสียเลย ส่วนหนึ่งเนื่องจากความสนใจไปโฟกัสอยู่ที่เรื่องผู้เสียชีวิตจากสงครามโลกครั้งที่ 1

“มันเป็นยุคที่มีคนตายกันมากมาย” แอลเลนตั้งข้อสังเกตอย่างนั้น พร้อมกับชี้ว่า นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เวลาพูดถึงผู้คนในรุ่นมหาสงครามครั้งนั้น จะเรียกกันว่าเจเนอเรชั่นที่สูญหาย หรือ The Lost Generation

การเสกสรรค์ที่ลึกซึ้งมากขึ้นในยุคสมัยต่อมา คือ เครื่องจดจำต่อการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวในช่วงก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อให้เป็นข้อพิสูจน์อันสำคัญและกระจ่างชัดถึงยุคสมัยที่มนุษย์เข่นฆ่ากันอย่างมโหฬาร เครื่องจดจำเหล่านี้มีตั้งแต่อนุสรณ์สถานขนาดใหญ่โตและสร้างตามแบบประเพณีนิยม เช่น อนุสรณ์สถานการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว (Holocaust Memorial) ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ไปจนถึงเครื่องระลึกจดจำที่มีลักษณะสร้างอุทิศให้เป็นส่วนบุคคล ซึ่งจะมีการระบุชื่อเหยื่อเอาไว้ อย่างเช่นสิ่งที่เรียกกันว่า Stumbling Stones ที่ด้านนอกของอาคารซึ่งชาวยิวเคยพำนักอาศัยก่อนเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

ศิลปินเยอรมัน นามว่า กุนเตอร์ เดมนิก วางหิน Stumbling Stone 4 ชิ้นเพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ให้แก่คาโรลินา โคห์นและครอบครัวของเธอ ในเมืองแฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี เมื่อ 13 พฤศจิกายน 2017

ผู้คนหลายพันรายแวะมาชมผ้าควิลท์ที่ระลึกถึงผู้วายชนม์ด้วยโรคเอดส์ ซึ่งจัดเป็นพิธีรำลึก ณ อุทยานแห่งชาติ “เนชั่นแนล มอลล์” (National Mall) ในวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อเดือนตุลาคม 1992
ส่วนสำหรับวิกฤติการณ์ระบบสาธารณสุข ไม่เคยได้รับการระลึกจดจำกันอย่างกว้างขวางในสหรัฐฯ เลย จวบจนกระทั่ง การระบาดและการเสียชีวิตของผู้คนมหาศาลสืบเนื่องจากโรคเอดส์ โดยมีการจัดทำ โครงการต่อผ้าควิลท์ เพื่อระลึกผู้เสียชีวิตจากเอดส์ (AIDS quilt)

โดยญาติมิตรของผู้เสียชีวิตนำเอาผ้าสี่เหลี่ยมจัตุรัสผืนเล็กๆ ซึ่งมุ่งอุทิศเป็นเครื่องรำลึกถึงผู้วายชนม์ มาเย็บต่อเข้ากับผืนผ้าของคนอื่นๆ จนกระทั่งกลายเป็นผลงานศิลปะผ้าควิลท์ผืนใหญ่มหึมา และนำไปวางแสดงในที่สาธารณะ ทั้งนี้ผ้าควิลท์ผืนนี้ถูกต่อขยายไปจนกระทั่งมีผ้ามาต่อเข้าด้วยกันเกือบ 50,000 ชิ้น เพื่อเป็นตัวแทนของผู้คนมากกว่า 105,000 คน

แอลเลนบอกว่า เครื่องจดจำอย่างผ้าควิลท์เพื่อระลึกถึงผู้เสียชีวิตจากเอดส์ และก้อนหิน Stumbling Stones มีส่วนสำคัญมากในการสร้างประเพณีเพื่อรำลึกถึงผู้คนระดับรากหญ้า และฟูมฟักบ่มเพาะความปรารถนาที่จะให้เกียรติแก่เหยื่อผู้เสียชีวิตกันเป็นรายบุคคล ลักษณะทั้งสองอย่างนี้ก็กำลังปรากฏออกมาให้เห็นอย่างชัดจนในเครื่องจดจำระลึกผู้วายชนม์จากโควิด-19

“เราต้องการที่จะเข้าไปให้ถึงบุคคลแต่ละคน ซึ่งรวมกันแล้วคือจำนวนผู้ที่เสียชีวิตนับเป็นล้านๆ คน” แอลเลนกล่าว “อย่างที่มีคนชี้ให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ ว่า คนที่เสียชีวิตเหล่านี้มีทั้งคุณแม่ คุณพ่อ พี่ชายน้องชาย พี่สาวน้องสาว ลูกๆ หลานๆ เพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียง”

แมเดลีน ฟูเกต นักเรียนเกรด 8 ในลอสแอนเจลิส สหรัฐฯ จัดทำโครงการเย็บต่อผ้าควิลท์เพื่อระลึกถึงและให้เกียรติแก่ผู้วายชนม์ด้วยโรคโควิด 19  ศิลปินสาวน้อย 14 ปีเริ่มเย็บผ้าควิลท์ตั้งแต่เมื่อพฤษภาคม 2020 โดยได้รับแรงบันดาลใจจากโครงการต่อผ้าควิลท์ เพื่อระลึกผู้เสียชีวิตจากเอดส์ (AIDS quilt) ที่คุณแม่ของเธอเคยสร้างสรรค์ไว้ในทศวรรษ 1980  ทั้งนี้ น้องแมเดลีนขอให้ครอบครัวต่างๆ ในลอนแอนเจลิสส่งผ้าจตุรัสที่เป็นตัวแทนบุคคลในครอบครัวซึ่งจากไปเพราะโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา มาให้เธอเย็บต่อกันขึ้นเป็นผืนใหญ่ ผลงานของแมเดลีนถูกจัดแสดงที่ศูนย์วิทยาศาสตร์แห่งแคลิฟอร์เนีย
เครื่องระลึกถึงผู้วายชนม์ยุควิกฤติโควิด 19 ปลอบประโลมดวงใจด้วยความซับซ้อนละเอียดอ่อน

การที่จะสร้างความทรงจำร่วมสำหรับระลึกถึงผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นั้น มีด้านที่ละเอียดอ่อนและสลับซับซ้อนสืบเนื่องจากความโศกเศร้าเสียใจของญาติมิตรของผู้วายชมน์แต่ละคน ชดเชยให้กับตอนที่เกิดการเสียชีวิตจากการระบาดระลอกแรก ซึ่งบ่อยครั้งทีเดียวที่ญาติๆ ต้องทนทุกข์กับความสูญเสียกันตามลำพัง โดยที่ไม่อาจจัดงานศพเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้เสียชีวิตได้ มิหนำซ้ำมีอยู่เสมอที่ผู้ป่วยต้องหมดลมหายไปไปโดยผู้เป็นที่รักของพวกเขาไม่สามารถเข้าไปอยู่ตรงนั้น หรือสัมผัสเนื้อตัวให้กำลังใจปลอบประโลมกันได้

ในอิตาลี มีการจัดตั้งกลุ่มเฟซบุ๊ก นามว่า นอย เดนุนเชเรโม (Noi Denunceremo) ซึ่งเริ่มต้นขึ้นมาด้วยจุดประสงค์ให้มีสถานที่สาธารณะขึ้นมาสักแห่งหนึ่ง โดยจะเป็นสถานที่แบบเสมือนจริงก็ได้ เพื่อเอาไว้ระลึกถึงผู้เสียชีวิตในระหว่างช่วงเวลาการใช้มาตรการล็อกดาวน์แบบสุดเข้มครั้งแรกของอิตาลี แล้วจากนั้นจึงพัฒนาไปอย่างรวดเร็วกลายเป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลสนับสนุนข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลบริหารจัดการเกี่ยวกับการระบาดของโควิด 19 อย่างบกพร่องล้มเหลว ข้อมูลเล่านี้ถูกส่งต่อไปยังทางฝ่ายอัยการเพื่อพิจารณาฟ้องร้องกล่าวโทษ

แต่สำหรับในอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศหนึ่งที่ได้รับความกระทบกระเทือนจากโรคระบาดใหญ่นี้รุนแรงที่สุดในโลก ปรากฏว่าได้มีการจัดตั้งเว็บไซต์รำลึกทางออนไลน์ขึ้นมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 โดยใช้ยูอาร์แอล www.nationalcovidmemorial.in และมีการเชื้อเชิญให้ส่งคำร้องเพื่อให้มีการตรวจพิสูจน์ออกใบมรณบัตรที่ถูกต้อง ทว่าจวบจนถึงเวลานี้ปรากฏว่ามีผู้ส่งเรื่องเข้าไปร่วมเพียงแค่ 250 รายเท่านั้น นับเป็นสัดส่วนน้อยนิดเหลือเกินเมื่อเทียบกับจำนวนผู้เสียชีวิตที่ยืนยันเป็นทางการแล้วว่ามีมากกว่า 457,000 คน (ตัวเลขนี้ยังถูกประเมินกันอย่างกว้างขวางว่าต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างมากมาย)

“มันไม่ใช่แค่เป็นการจดจำระลึกเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องที่เราจะสามารถแสดงความเคารพและมอบเกียรติศักดิ์ศรี” แก่ผู้วายชนม์อีกด้วย นี่เป็นความพยายามที่จะอธิบายของ อภิจิต เชาว์ธูรี แห่ง เครือข่าย “โควิด แคร์ เน็ตเวิร์ก” (COVID Care Network) ซึ่งริเริ่มจัดพิธีรำลึกขึ้นมาที่เมืองโกลกาตา ทางภาคตะวันออกของอินเดีย

ในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เมืองใหญ่อันดับ 2 ของรัสเซีย อนุสาวรีย์ทองสัมฤทธิ์ที่มีชื่อว่า “Sad Angel”(เทวดาผู้โศกเศร้า) ถูกนำมาติดตั้งที่บริเวณด้านนอกของวิทยาลัยแพทยศาสตร์แห่งหนึ่ง เมื่อเดือนมีนาคม เพื่อยกย่องเชิดชูแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์หลายสิบคนซึ่งเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ประติมากรรมชิ้นนี้ซึ่งเป็นรูปปั้นเทวดาที่ไหล่ห่อและคอยื่นอย่างชวนให้หดหู่ใจ สร้างความปวดร้าวขมขื่นเป็นพิเศษเนื่องจากผู้ปั้นคือ โรมัน ชูสตรอฟ เองก็เสียชีวิตด้วยไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในเดือนพฤษภาคม 2020

อนุสาวรีย์ “Sad Angel” (เทวดาผู้โศกเศร้า) ในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เพื่อยกย่องเชิดชูแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์หลายสิบคนซึ่งเสียชีวิตจากโรคโควิด-19
สวนป่าอันเป็นสัญลักษณ์ชุบชูพลังเพื่อสืบสานลมหายใจแก่ปอดของมนุษยชาติ

อิตาลียังไม่มีการประกาศให้สถานที่หนึ่งใดเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติสำหรับผู้เสียชีวิตด้วยโควิด 19 ซึ่งทำสถิติยอดตายที่ยืนยันตัวเลขแล้วมหาศาลกว่า 132,000 ราย แต่ได้กำหนดวันรำลึกมหาวิกฤติไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ณ 18 มีนาคม ของทุกปี โดยในปีประเดิมนี้ นายกรัฐมนตรี มาริโอ ดรากี เข้าร่วมเป็นประธานในพิธีเคารพจิตวิญญาณของเหยื่อโควิด 19 และยืนอยู่ในดงไม้รุ่นแรกซึ่งปลูกกันในสวนป่าที่สวนสาธารณะทรูคคาของเมืองแบร์กาโม เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2021 อันเป็นวันครบรอบปีแรกของภาพเหตุการณ์ซึ่งชาวเมืองยังจดจำได้ดีถึงขบวนรถบรรทุกทหารช่วยกันลำเลียงร่างผู้เสียชีวิตไปยังเมืองอื่นๆ เพื่อทำการณาปนกิจ ภายหลังจากสถานเก็บศพของเมืองเต็มจนล้น

นายกเทศมนตรีแบร์กาโมกล่าวว่า ทางเมืองพิจารณาข้อเสนอให้จัดสร้างอนุสาวรีย์หรือไม่ก็แผ่นป้ายจารึกชื่อของผู้เสียชีวิตทั้งหลาย แต่แล้วก็ปัดทิ้งไปเนื่องจากอย่างแรกดูเป็นทางการใหญ่โตเกินไป ส่วนอย่างหลังก็จะเป็นการละเลยผู้เสียชีวิตจำนวนมากซึ่งไม่ได้ถูกนับว่าสิ้นชีพเพราะโควิด-19 อย่างเป็นทางการเนื่องจากไม่ได้ผ่านการตรวจสอบเชื้อ

นับถึงเดือนตุลาคม 2021 มีการปลูกต้นไม้ตามโครงการจัดสร้างอนุสรณ์สถานสวนป่าแล้ว 100 ต้น จากยอดรวมที่กำหนดจะปลูกกันทั้งสิ้น 700 ต้น โดยหันหน้าไปทางสถานเก็บศพของโรงพยาบาล สำหรับต้นไม้ที่ยังเหลืออยู่น่าจะปลูกกันในวันรำลึก 18 มีนาคมของปีหน้า

ที่ผ่านมา ยังไม่สรุปแผนใส่ชื่อของผู้วายชนม์ที่ต้นไม้เหล่านี้ อย่างไรก็ตาม ก็มีมาใส่ชื่อแล้ว 1 ราย โดยญาติมิตรผู้เป็นที่รักของผู้เสียชีวิตได้ประกาศจองต้นอ่อนต้นหนึ่งเอาไว้ ด้วยการปลูกต้นกุหลาบที่ใต้ต้นอ่อนต้นนี้ พร้อมกับมีเครื่องระลึกส่วนบุคคลแขวนเอาไว้ และมีก้อนหินสีขาวก้อนหนึ่งเขียนชื่อของผู้จากไปซึ่งเป็นที่รักใคร่ด้วยลายมือว่า “แซร์จิโอ”

ก้อนหินจารึกชื่อผู้วายชนม์ด้วยโรคโควิด 19 ถูกนำมาจัดวางบนพื้น ณ อนุสรณ์สถาน ด้านนอกทำเนียบรัฐบาลในกรุงบัวโนสไอเรส อาร์เจนตินา เมื่อ 18 ตุลาคม 2021

อนุสรณ์อุทิศแก่แพทย์ผู้ต้องเสียชีวิตด้วยโรคโควิด 19 ถูกจัดทำไว้ในกรุงลิมา เปรู ดังที่ปรากฏในภาพนี้ ซึ่งบันทึกไว้เมื่อ 22 ตุลาคม 2021

การจารึกนามของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอินโดนีเซีย ผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด 19  ณ อนุสาวรีย์วีรบุรุษแห่งยุคโรคระบาด ในเมืองบันดุง ชวาตะวันออก ประเทศอินโดนีเซีย ภาพนี้บันทึกไว้เมื่อ 12 ตุลาคม 2021  และจะมีพิธีเปิดอนุสาวรีย์ในวันที่ 10 พฤศจิกายน ซึ่งรัฐบาลเมืองอิเหนากำหนดให้เป็นวันวีรชนแห่งยุคโรคระบาด

ไมค์ บาโรนิค ไปเยือนอนุสรณ์สถานผู้วายชนม์ด้วยโรคโควิด 19 นามว่า Rami’s Heart COVID 19 Memorial ในนิวเจอร์ซี เป็นครั้งแรกเมื่อ 27 ตุลาคม 2021  และเมื่อได้เห็นนามของภรรยา ปรากฏบนก้อนหินเพื่อการระลึกถึง เขารู้สึกสะเทือนใจอย่างที่ไม่อาจจะปิดบังได้  อนุสรณ์สถานแห่งนี้ก่อตั้งโดย ริมา ซัมมาน และตั้งชื่อเป็นที่ระลึกถึงรามิ ซัมมาน ผู้เป็นหนึ่งในเหยื่อของไวรัสโคโรนา ปัจจุบันนี้ มีก้อนหินเพื่อการระลึกถึงมากกว่า 4,000 ชื่อ โดยในแต่ละสัปดาห์จะมีชื่อใหม่ๆ เพิ่มเข้าไปหลายสิบชื่อมิได้ขาด
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า

(ที่มา: เอพี วิกิพีเดีย)

กำลังโหลดความคิดเห็น