xs
xsm
sm
md
lg

คนญี่ปุ่นเข้าคูหาโหวตชี้ชะตาคิชิดะ โพลล์ชี้ LDP ส่อพลาดเสียงข้างมาก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รอยเตอร์ – คนญี่ปุ่นออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันอาทิตย์ (31 ต.ค.) เพื่อตัดสินใจว่า จะรับรองรัฐบาลอนุรักษนิยมของฟูมิโอะ คิชิดะ หรือบั่นทอนอำนาจนายกรัฐมนตรีใหม่ผู้นี้ ซึ่งอาจทำให้แดนปลาดิบกลับสู่ช่วงเวลาที่การเมืองไร้ความแน่นอน โดยผลโพลล์เมื่อเร็วๆ นี้ชี้ว่าพรรคแอลดีพีมีสิทธิ์พลาดเสียงข้างมากในสภาล่างเป็นครั้งแรกนับจากปี 2009

การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นบททดสอบสำหรับคิชิดะที่ประกาศจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนดหลังเข้ารับตำแหน่งเมื่อต้นเดือนตุลาคม และสำหรับพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ที่กำลังประสบปัญหาจากการถูกมองว่า จัดการวิกฤตโควิดผิดพลาด

ตัวคิชิดะเองนั้นไม่สามารถผลักดันนโยบายเพื่อช่วยเหลือคนจน แต่ประสบความสำเร็จในการเพิ่มงบประมาณกลาโหมและใช้ท่าทีแข็งกร้าวมากขึ้นกับจีน

ด้วยภาพลักษณ์ที่ไม่ชัดเจนของคิชิดะ ที่ไม่ช่วยดึงดูดผู้มีสิทธิ์ออกเสียง ผลสำรวจความคิดเห็นพบว่า แอลดีพีอาจสูญเสียเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรกนับจากปี 2009 แม้จะยังคงจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคพันธมิตรอย่างโคเมโตะต่อไปได้ก็ตาม

การเลือกตั้งจะสิ้นสุดในเวลา 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของญี่ปุ่น และคาดว่าจะมีรายงานการคาดการณ์ผลการเลือกตั้งจากเอ็กซิตโพลล์ออกมาหลังจากนั้นไม่นาน ทั้งนี้ สมาชิกสำคัญของแอลดีพีหลายคนต้องเผชิญการแข่งขันที่ยากลำบาก ซึ่งรวมถึงอากิระ อามาริ เลขาธิการพรรค

ชีลา เอ สมิธ นักวิชาการอาวุโสของสภาวิเทศสัมพันธ์ โพสต์บนบล็อกว่า การเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีบ่อยๆ เป็นจุดอ่อนของญี่ปุ่นที่ต่างประเทศกังวล และเสริมว่า คิชิดะต้องมีพรรคที่เป็นเอกภาพและได้คะแนนเลือกตั้งแข็งแกร่ง หากต้องการประสบความสำเร็จในการจัดการวาระแห่งชาติที่ยากลำบากของญี่ปุ่น

จำนวนผู้ใช้สิทธิ์เป็นตัวแปรสำคัญ เนื่องจากหากมีผู้ออกไปใช้สิทธิ์จำนวนมาก มีแนวโน้มว่า คนเหล่านั้นจะลงคะแนนให้พรรคฝ่ายค้าน ทั้งนี้ เมื่อเวลา 14.00 น. มีผู้ออกไปใช้สิทธิ์ 21.49% น้อยกว่าการเลือกตั้งสมาชิกสภาล่างครั้งที่แล้ว 0.34% แต่มีผู้ลงคะแนนล่วงหน้า 16.6 ล้านคน

กลุ่มฝ่ายค้านใหญ่ที่สุดคือ พรรคประชาธิปไตยรัฐธรรมนูญแห่งญี่ปุ่นถูกคาดหมายว่า จะได้ที่นั่งในสภาเพิ่ม แต่คงไม่ใกล้เคียงจำนวนที่นั่งของพรรคร่วมรัฐบาลของคิชิดะ

ถึงกระนั้น การสูญเสียที่นั่งในสภาจำนวนมากของแอลดีพีอาจทำให้เกิดศึกภายในพรรค และนำญี่ปุ่นกลับสู่ยุครัฐบาลที่บริหารประเทศในเวลาสั้นๆ ที่บ่อนทำลายสถานะของญี่ปุ่นในเวทีโลก ซึ่งเกิดขึ้นมานานจนกระทั่งชินโซ อาเบะ กลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุดคือ 8 ปีจนถึงปี 2020 นอกจากนั้นยังอาจทำให้พรรคโคเมโตะมีอิทธิพลในพรรคร่วมรัฐบาลมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ยังมีความไม่แน่นอนสูงมาก โดยหนังสือพิมพ์นิกเกอิประเมินว่า 40% ของเขตเลือกตั้งที่มีผู้แทนเพียงคนเดียวเป็นสนามเลือกตั้งที่การแข่งขันสูสีมาก และผลสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้พบว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งถึง 40% ยังไม่ตัดสินใจ

คิชิดะนั้นประกาศเป้าหมายในการทำให้พรรคร่วมรัฐบาลรักษาสถานะเสียงข้างมากในสภาต่อไป ด้วยจำนวนที่นั่งอย่างน้อย 233 ที่นั่ง จาก 465 ที่นั่งในสภาล่าง และเทียบกับก่อนการเลือกตั้งที่พรรคร่วมรัฐบาลครองเสียงข้างมากถึง 2 ใน 3 คือ 305 ที่นั่ง ซึ่งเป็นของแอลดีพี 276 ที่นั่ง

นักลงทุนและผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองกำลังจับตาว่า แอลดีพีจะยังคงเป็นพรรคการเมืองที่ครองเสียงข้างมากได้หรือไม่ ซึ่งหากล้มเหลวจะบั่นทอนฐานอำนาจของคิชิดะในพรรคแอลดีพีที่แตกออกเป็นก๊วนต่างๆ

อย่างไรก็ตาม แม้พรรคฝ่ายค้านที่เคยแตกแยกกลับมีเอกภาพมากขึ้น ซึ่งรวมถึงพรรคคอมมิวนิสต์ญี่ปุ่น ที่กลายเป็นคู่แข่งที่สูสีสำหรับพรรคร่วมรัฐบาลในเขตเลือกตั้งส่วนใหญ่ เสียแต่ว่าพรรคฝ่ายค้านไม่สามารถพิชิตใจผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ เช่น พรรคประชาธิปไตยรัฐธรรมนูญแห่งญี่ปุ่นที่มีผู้สนับสนุนเพียง 8% ขณะที่ 39% สนับสนุนแอลดีพี ทั้งนี้ จากโพลล์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วของสถานีเอ็นเอชเค

ถึงกระนั้น ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงบางคน เช่น โยชิฮิโกะ ซูซูกิ ที่ลงคะแนนให้พรรคประชาธิปไตยรัฐธรรมนูญแห่งญี่ปุ่นในเขตเลือกตั้ง และพรรคคอมมิวนิสต์สำหรับการเลือกตั้งระบบสัดส่วน หวังว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะให้บทเรียนแก่แอลดีพี เนื่องจากตลอด 8 ปีในยุคอาเบะทำให้แอลดีพีเหลิงอำนาจ แถมยังมีเรื่องอื้อฉาวทางการเงินและการช่วยเหลือพวกพ้องหลายครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น