เจ้าหญิงมาโกะแห่งอากิชิโนะ พระราชธิดาในเจ้าชายฟุมิฮิโตะ มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น ทรงเข้าพิธีสมรสอย่างเรียบง่ายกับนาย เคอิ โคมุโระ แฟนหนุ่มสามัญชนวัย 30 ปีที่ทรงคบหาดูใจกันมานานเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยทรงสละฐานันดรความเป็นเจ้าตามกฎมณเฑียรบาล และเตรียมสร้างชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นร่วมกับชายที่พระองค์ยืนยันว่า “ไม่มีผู้ใดจะทดแทนได้”
เส้นทางความรักของเจ้าหญิงมาโกะ และ โคมุโระ เริ่มเป็นที่รับรู้ในหมู่ชาวญี่ปุ่น หลังจากที่ทรงประกาศข่าวการหมั้นหมายเมื่อเดือน ก.ย. ปี 2017 โดยในช่วงแรกๆ ก็ได้รับเสียงชื่นชมยินดีจากประชาชน ก่อนที่เหตุการณ์จะกลับตาลปัตรเมื่อมีสื่อแท็บลอยด์ไปขุดคุ้ยเรื่องหนี้สินของมารดาฝ่ายชาย จนทำให้ โคมุโระ ถูกกระแสสังคมโจมตีอย่างหนัก และพิธีสมรสกับเจ้าหญิงต้องถูกเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด
หลังจากที่รอมานานถึง 4 ปี ในที่สุดเจ้าหญิงมาโกะและพระคู่หมั้นตัดสินใจจดทะเบียนสมรสและฉลองแต่งงานแบบเป็นส่วนตัว ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของญี่ปุ่นในยุคหลังสงครามโลกที่การสมรสของเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงเกิดขึ้นแบบไม่มีพิธีรีตองอะไรเลย
สำนักพระราชวังอิมพีเรียล (IHA) ได้ยื่นเอกสารที่จำเป็นสำหรับการจดทะเบียนสมรสของเจ้าหญิงมาโกะไปยังหน่วยงานท้องถิ่นในช่วงเช้าของวันอังคารที่ 26 ต.ค. ขณะที่สถานีโทรทัศน์ญี่ปุ่นเผยแพร่ภาพเจ้าหญิงมาโกะในฉลองพระองค์สีฟ้าพาสเทลและทรงเครื่องประดับไข่มุก ทรงโค้งคำนับพระบิดาและพระมารดา รวมถึงสวมกอดพระกนิษฐา “เจ้าหญิงคาโกะ” วัย 26 พรรษาอย่างยาวนาน ก่อนจะเสด็จฯ ออกจากพระตำหนักอากาซากะในกรุงโตเกียวเมื่อเวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อไปยังห้องแถลงข่าวร่วมกับพระสวามีที่โรงแรม Grand Arc Hotel
ในงานแถลงข่าวซึ่งจัดขึ้นช่วงบ่ายวันเดียวกัน เจ้าหญิงมาโกะและ โคมุโระ เลือกที่จะตอบคำถามเพียง 5 ข้อจากสื่อมวลชน ซึ่งเป็นคำถามที่ผ่านการคัดกรองและเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้เตรียมคำตอบอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรมาแล้วล่วงหน้า
สำนักพระราชวังอิมพิเรียลให้เหตุผลว่า เจ้าหญิงมาโกะ “ทรงมีความวิตกกังวล” หากจะต้องตอบคำถามสดๆ และ “บางคำถามมีการนำข้อข้อมูลที่ผิดพลาดมาถือเป็นข้อเท็จจริง ซึ่งทำให้ทรงเสียพระทัย”
เจ้าหญิงมาโกะซึ่งเวลานี้มีสถานะเป็นเพียง “นางมาโกะ โคมุโระ” ตรัสว่า การสมรสระหว่างพระองค์กับ เคอิ โคมุโระ เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องเกิดขึ้น แม้ประชาชนบางส่วนจะไม่เห็นด้วย
“สำหรับตัวข้าพเจ้าแล้ว ไม่มีใครจะทดแทน เคอิ ได้ และการแต่งงานคือทางเลือกที่จำเป็นสำหรับเราสองคน เพื่อที่จะได้มีโอกาสใช้ชีวิตอย่างที่หัวใจของเราปรารถนา” เจ้าหญิงมาโกะตรัส พร้อมทั้งทรงยอมรับว่าข่าวลือที่ “ไม่เป็นความจริง” เกี่ยวกับพระสวามีทำให้ทรงรู้สึก “หวาดกลัว, เครียด และเสียใจ” ตลอดมา
“คำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ เกี่ยวกับการกระทำของเคอิ รวมถึงข้อสันนิษฐานฝ่ายเดียวที่ไม่คำนึงถึงความรู้สึกของข้าพเจ้า ทำให้ความจริงกับความเท็จปนเปกันจนแทบแยกไม่ออก และถูกร่ำลือต่อๆ ไปอย่างไม่รู้จบ”
ด้าน โคมุโระ ยืนยันว่า “ผมรักมาโกะ คนเรามีเพียงชีวิตเดียวเท่านั้น ผมจึงอยากให้เราสองคนได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เรารัก”
“ผมรู้สึกเสียใจที่มาโกะต้องได้รับความลำบากทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ อันเนื่องมาจากข้อครหาที่ไม่เป็นความจริง”
เจ้าหญิงมาโกะประสูติเมื่อวันที่ 23 ต.ค. ปี 1991 ทรงเป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ในเจ้าฟ้าชายฟุมิฮิโตะ พระราชโอรสองค์รองในสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ กับเจ้าหญิงคิโกะ มกุฎราชกุมารี โดยทั้งสองพระองค์ก็ทรงคบหาดูใจกันในฐานะคู่รักมาตั้งแต่สมัยเรียน เช่นเดียวกับเจ้าหญิงมาโกะ และ โคมุโระ
ข่าวการประสูติของพระราชนัดดาพระองค์แรกของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะนำความปลาบปลื้มยินดีมาสู่ชาวญี่ปุ่น และมีการเสนอข่าวอย่างคึกโครมในสมัยนั้น แม้ว่าตามกฎมณเฑียรบาลแล้วเจ้าหญิงจะไม่มีสิทธิ์สืบราชบัลลังก์ก็ตาม
เจ้าหญิงมาโกะทรงมีพระกนิษฐา 1 พระองค์คือ “เจ้าหญิงคาโกะ” ซึ่งอ่อนพระชันษากว่ากัน 3 ปี และพระอนุชาคือ “เจ้าชายฮิซาฮิโตะ” ซึ่งประสูติเมื่อปี 2006 และทรงเป็นเจ้าชายพระองค์แรกที่ประสูติในราชวงศ์ญี่ปุ่นนับตั้งแต่ปี 1965 เป็นต้นมา
เจ้าหญิงมาโกะทรงศึกษาที่โรงเรียนกาคุชูอิน (Gakushuin School) ซึ่งเป็นโรงเรียนหลวงของญี่ปุ่นจนกระทั่งจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยคริสเตียนนานาชาติ (International Christian University – ICU) ในกรุงโตเกียว และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขามรดกด้านศิลปะและวัฒนธรรมเมื่อเดือน มี.ค. เมื่อปี 2014 จากนั้นทรงสมัครเข้าเรียนสาขาพิพิธภัณฑ์ที่มหาวิทยาลัยเลสเตอร์ กระทั่งจบปริญญาโทในเดือน ม.ค. ปี 2016
เจ้าหญิงยังทรงเคยศึกษาประวัติศาสตร์ศิลปะที่มหาวิทยาลัยเอดินบะระ ระหว่างเดือน ก.ย. ปี 2012 ถึงเดือน พ.ค. ปี 2013 ในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยน และทรงพบกับ โคมุโระ ครั้งแรกในงานชุมนุมนักศึกษาที่จะไปศึกษาต่อต่างประเทศเมื่อปี 2012
สำหรับ เคอิ โคมุโระ เกิดเมื่อวันที่ 5 ต.ค. ปี 1991 เติบโตในครอบครัวที่มารดาเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเนื่องจากบิดาเสียชีวิตตั้งแต่เขายังเด็ก และมีรายงานจากสื่อญี่ปุ่นว่า ค่าเล่าเรียนบางส่วนของเขาได้รับการสนับสนุนโดย “อดีตคู่หมั้น” ของมารดา
ระหว่างศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัย ICU โคมุโระ เคยทำงานโปรโมตการท่องเที่ยวให้กับเมืองฟูจิซาวะ จังหวัดคะนะงะวะ เป็นเวลา 1 ปี กระทั่งได้รับฉายาว่า “เจ้าชายแห่งท้องทะเล” (Prince of the Sea) นอกจากนี้ยังเคยทำงานที่ร้านอาหารฝรั่งเศส และโรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่ง
รายงานระบุว่า โคมุโระ เอ่ยปากขอเจ้าหญิงมาโกะแต่งงานครั้งแรกตั้งแต่ตอนที่ทั้งคู่ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย
หลังแถลงข่าวการหมั้นได้ไม่นาน ความรักของทั้งคู่ก็เผชิญมรสุมลูกใหญ่ เมื่อสื่อซุบซิบญี่ปุ่นออกมาเปิดโปงเรื่องปัญหาเงินๆ ทองๆ ระหว่างแม่ของ โคมุโระ กับอดีตคู่หมั้นของเธอ โดยฝ่ายชายนั้นอ้างว่าแม่ของ โคมุโระ ได้ยืมเงินเขาไป 4 ล้านเยนเพื่อเป็นค่าเล่าเรียนและใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยของบุตรชาย แต่หลังจากที่ โคมุโระ เรียนจบและมีงานทำ กลับไม่ได้คืนเงินดังกล่าวทั้งที่ถูกทวงถาม
โคมุโระ ออกมาปฏิเสธเรื่องหนี้สิ้น โดยอ้างว่าเงินเหล่านั้นเป็นการ “ให้โดยเสน่หา” แต่นั่นก็ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น กระทั่งในเดือน ก.พ. ปี 2018 สำนักพระราชวังอิมพีเรียลได้ประกาศเลื่อนพิธีสมรสของเจ้าหญิงมาโกะออกไปก่อน โดยให้เหตุผลว่าทั้งสองต้องการเวลาเตรียมงานและเตรียมความพร้อมสำหรับการใช้ชีวิตคู่
เจ้าชายอากิชิโนะซึ่งเป็นพระบิดาของเจ้าหญิงมาโกะ เคยตรัสไว้เมื่อเดือน พ.ย. ปี 2018 ว่า พิธีหมั้นและสมรสคงยังจัดไม่ได้จนกว่า โคมุโระ จะเคลียร์ปัญหาหนี้สินเรียบร้อย และทรงยอมรับผ่านสื่อว่า “ระยะหลังๆ ไม่ค่อยได้คุยกับลูกสาว จึงไม่ทราบว่าเธอจะรู้สึกอย่างไรบ้าง”
โคมุโระ ตัดสินใจเดินทางไปศึกษาต่อด้านกฎหมายที่มหาวิทยาลัยฟอร์ดแฮมในสหรัฐฯ เมื่อเดือน ก.ย. ปีเดียวกัน และไม่เดินทางกลับญี่ปุ่นเลยจนกระทั่งเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งกลับมาคราวนี้เขาก็โดนสื่อรุมวิจารณ์อย่างหนักด้วยทรงผมที่ยาวและรวบเป็นหางม้า ซึ่งถูกมองว่า “ไม่เรียบร้อย” และ “ไม่เหมาะสม” สำหรับคนที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง
อย่างไรก็ตาม โคมุโระ ปรากฏตัวในงานแถลงข่าวร่วมกับเจ้าหญิงมาโกะเมื่อวันอังคาร (26) โดยตัดผมหางม้าออกเรียบร้อย และแม้จะสวมหน้ากากอนามัย แต่ก็ยังสังเกตเห็นได้ถึงสีหน้าที่ยิ้มแย้มและมีความสุขในวันแต่งงาน
ปัจจุบัน โคมุโระ ทำงานอยู่กับสำนักกฎหมายแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก และได้สอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทนายความ (bar exam) ไปเมื่อเดือน ก.ค. โดยคาดว่าจะทราบผลสอบในเดือน ธ.ค.นี้
โคมุโระ เคยออกคำแถลงยาว 24 หน้ากระดาษเกี่ยวกับเรื่องหนี้สินของเขาเมื่อช่วงต้นปีนี้ และกล่าวย้ำอีกครั้งเมื่อวันอังคาร (26) ว่า พร้อมที่จะจ่ายคืนเงินทั้งหมดเพื่อจบปัญหา
ขณะเดียวกัน สำนักพระราชวังอิมพีเรียลยืนยันว่า เจ้าหญิงมาโกะทรงปฏิเสธที่จะรับเงินก้อน 150 ล้านเยน (ประมาณ 43 ล้านบาท) ซึ่งเจ้านายสตรีที่สละฐานันดรศักดิ์เพื่อแต่งงานทรงมีสิทธิ์ได้รับตามกฎหมายญี่ปุ่น และจะทรงย้ายไปเริ่มต้นชีวิตคู่กับสามีที่นครนิวยอร์ก ทว่าในช่วงแรกๆ นี้เจ้าหญิงจะยังทรงพำนักอยู่ที่กรุงโตเกียวอีกระยะหนึ่งเพื่อเตรียมพระองค์ รวมถึงทำ “หนังสือเดินทาง” เล่มแรกในชีวิต
ผลสำรวจความคิดเห็นพบว่า ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยังมีมุมมองที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับการสมรสของเจ้าหญิงมาโกะ และมีผู้ประท้วงอย่างน้อย 1 กลุ่มที่ออกมาชูป้ายคัดค้านพิธีสมรส
“เคอิ โคมุโระ กับแม่ของเขามีปัญหาหลายเรื่อง แต่เขากลับฝืนแต่งงานกับเจ้าหญิง โดยไม่มีคำอธิบายให้กับสังคมเลย” เคอิ คูโบตะ หนึ่งในผู้ประท้วงให้สัมภาษณ์
นักวิเคราะห์บางคนชี้ว่า ต้นตอของปัญหานี้อยู่ที่การมองสถาบันพระจักรพรรดิในเชิง “อุดมคติ” มากเกินไป จนทำให้คนบางส่วนรับไม่ได้หากสถาบันที่พวกเขาเคารพยกย่องจะแปดเปื้อนมลทินแม้เพียงเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินหรือเรื่องการเมืองก็ตาม
เจ้าหญิงมาโกะทรงย้ำว่า “สิ่งเดียวที่ข้าพเจ้าต้องการคือได้ใช้ชีวิตใหม่อย่างสงบสุข” ขณะที่มกุฎราชกุมารอากิชิโนะและพระชายาก็ทรงยอมรับว่า เจ้าหญิงมาโกะและ โคมุโระ มีจิตใจที่แน่วแน่มั่นคงต่อกันจริงๆ
กฎมณเฑียรบาลที่ญี่ปุ่นใช้มาตั้งแต่ปี 1947 กำหนดให้เชื้อพระวงศ์ที่เป็นชายเท่านั้นมีสิทธิ์สืบราชบัลลังก์ ในขณะที่เชื้อพระวงศ์สตรีจำเป็นต้องสละฐานันดรศักดิ์เมื่อสมรสกับชายที่เป็นสามัญชน
ด้วยเหตุนี้ ในปัจจุบันจึงมีเพียง “เจ้าชายฮิซาฮิโตะ” ชันษา 15 ปี เท่านั้นที่มีสิทธิ์ขึ้นครองบัลลังก์เบญจมาศต่อจากสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ และมกุฎราชกุมารอากิชิโนะ และนั่นหมายความว่าหากในอนาคตเจ้าชายฮิซาฮิโตะไม่ทรงมีทายาทที่เป็นชาย สายการสืบสันตติวงศ์ของสถาบันจักรพรรดิญี่ปุ่นก็จะขาดตอน ซึ่งทำให้ในญี่ปุ่นเริ่มมีการถกเถียงเกี่ยวกับการแก้กฎมณเฑียรบาลให้สตรีสืบราชบัลลังก์ได้ ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นก็พบว่าคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่สนับสนุนแนวคิดนี้