รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - แอมเนสตีสากลแถลงในวันนี้(25 ต.ค) ว่าจะปิดสำนักงานในฮ่องกงเนื่องมาจากกฎหมายความมั่นคงใหม่ที่บังคับใช้ทำให้ไม่มีความเป็นไปได้ที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนจะสามารถขยับตัวเพื่อให้การช่วยเหลือโดยปราศจากความเสี่ยง
รอยเตอร์รายงานวันนี้(25 ต.ค)ว่า ประธานกรรมการบอร์ดระหว่างประเทศของกลุ่มแอมเนสตีสากล Anjhula Mya Singh Bais กล่าวผ่านแถลงการณ์ในวันจันทร์(25)ว่า ทางองค์กรสิทธิด้านมนุษยชนจะปิดสำนักงาน 2 แห่งของแอมเนสตีในฮ่องกงลงภายในสิ้นปีนี้ โดยชี้ไปการกวาดล้างอย่างหนักหน่วงที่ผ่านมาและทำให้มีไม่ต่ำกว่า 35 กลุ่มต้องถูกสั่งยุบปีนี้ภายใต้กฎหมายความมั่นคงใหม่ฮ่องกง
“การตัดสินใจนี้ออกมาจากหัวใจที่หนักอึ้งเกิดขึ้นเนื่องมาจากกฏหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ของฮ่องกง ที่ทำให้ไม่มีความเป็นไปได้อย่างทันทีสำหรับองค์กรสิทธิมนุษยชนในฮ่องกงที่จะสามารถทำงานได้อย่างอิสระโดยปราศจากความเสี่ยงต่อการถูกตอบโต้กลับในขั้นร้ายแรง”
และในแถลงการณ์ยังชี้ว่า “สภาพแวดล้อมของความกดขี่และความไม่แน่นอนที่ยังดำเนินอยู่ที่เกิดมาจากกฎหมายความมั่นคงใหม่มันทำให้เป็นการยากที่จะสามารถรู้ได้ว่ามีความเคลื่อนไหวใดบ้างที่อาจนำมาสู่การลงโทษทางอาญา”
บีบีซี สื่ออังกฤษ ชี้ว่า ฮ่องกงถูกใช้เป็นฐานของกลุ่มแอมเนสตีมานานกว่า 40 ปี และปัจจุบันมีที่ตั้งสำนักงานแอมเนสตี 2 แห่งตั้งอยู่ในฮ่องกงโดยที่แรกจะให้ความสำคัญไปที่ฮ่องกงและสำนักงานที่ 2 จะมีเป้าหมาไปที่ระดับภูมิภาคที่กว้างกว่า
รอยเตอร์กล่าวว่าในอดีตฮ่องกงเคยถูกมองว่าเป็นฮับของกลุ่มNGO ทั้งหลายในสมัยเมื่อครั้งฮ่องกงยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษก่อนถูกส่งคืนไปให้จีนในปี 1997
สื่ออังกฤษชี้ว่า สำนักงานแอมเนสตีที่ดูแลเฉพาะฮ่องกงจะปิดลงภายในสิ้นเดือนตุลาคม ส่วนสำนักงานแอมเนสตีดูแลระดับภูมิภาคจะถูกปิดลงภายในสิ้นปีนี้
รอยเตอร์รายงานว่า หลายกลุ่มที่ถูกสั่งยุบในปีนี้ภายใต้กฎหมายความั่นคงใหม่รวมไปถึง กลุ่มสมาพันธ์วิชาชีพ กลุ่มสหภาพแรงงาน และกลุ่ม NGO เป็นต้น
ด้วยกฎหมายความั่นคงใหม่ทำให้ฮ่องกงกลายเป็นเมืองที่มีสภาพแวดล้อมที่อ่อนไหวทางการเมืองไปแล้ว เดอะการ์เดียนชี้โดยยกตัวอย่างไปที่ งานวิ่งมาราธอนฮ่องกงที่เกิดขึ้นในสุดสัปดาห์ล่าสุดพบว่า นักวิ่งที่เข้าร่วมการแข่งถูกสั่งให้ต้องปกปิดสโลแกนทางการเมือง รวมไปถึงรอยสัก ก่อนที่จะร่วมการแข่งได้
ทั้งนี้สโลแกนการเมืองที่ถูกสั่งให้ปกปิดจากสาธารณะเป็นต้นว่า “ฮ่องกงเติมน้ำมัน” ถูกตำรวจฮ่องกงสั่งแบนในงานวิ่งมาราธอนวันอาทิตย์(24) ซึ่งถือเป็นการจัดแข่งกีฬาครั้งใหญ่เป็นครั้งแรกที่ฮ่องกงในช่วงเวลาเกือบ 2 ปี
สื่อท้องถิ่นฮ่องกงรายงานว่า มีนักวิ่งรายหนึ่งถูกประกบให้ไปยังจุดเปลี่ยนเสื้อผ้าระหว่างการตรวจเช็กเนื่องมาจากมีข้อความสโลแกนที่ถือเป็นสโลแกนทางการเมืองถูกแสดงด้วยตัวอักษรขนาดเล็กอยู่ที่ด้านข้างของกางเกงนักวิ่ง
เดอะการ์เดียนชี้ว่า มีจำนวนนักแข่งวิ่งมาราธอนเข้าร่วมราว 15,000 คน และผู้จัดงานได้ออกมาเตือนผู้เข้าร่วมก่อนหน้าให้ระมัดระวังการใช้คำพูดห้ามแสดงความคิดเห็นทางการเมืองออกมา โดยชี้ว่าสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเมืองไม่สมควรที่จะอยู่ในการแข่งกีฬา
ด้านตำรวจฮ่องกงได้ส่งหน่วยต่อต้านก่อการร้ายมารักษาความปลอดภัยที่การแข่งเพื่อป้องกันเหตุร้าย