เอเอฟพี/รอยเตอร์ - งานวิ่งมาราธอนอู่ฮั่นที่จะต้องเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ (24 ต.ค.) ถูกผู้จัดงานประกาศเลื่อนการจัดออกไป อ้างเหตุผลป้องกันการระบาดในวงกว้างหลังจีนพบการติดเชื้อภายในประเทศเพิ่ม ส่วนนามิเบียประกาศหยุดการใช้วัคซีนสปุตนิก วีของรัสเซียหลังผลการศึกษาจากแอฟริกาใต้ชี้ วัคซีนมีผลทำให้ผู้ชายเกิดความเสี่ยงติดเชื้อ HIV ง่าย
เอเอฟพีรายงานวันนี้ (24 ต.ค.) ว่า การจัดงานวิ่งมาราธอนอู่ฮั่นที่จะต้องเริ่มสตาร์ทในวันอาทิตย์ (24) ถูกสั่งเลื่อนออกไปหลังจากเคสโควิด-19 พุ่งสูง
ทั้งนี้ จีนรายงานเคสโควิด-19 ใหม่ติดเชื้อภายในประเทศวันนี้ (24) จำนวน 26 เคส เกิดขึ้นท่ามกลางนโยบายความอดทนเป็นศูนย์ของจีนที่กำลังเดินหน้าอีกร่วมกว่า 100 วันจะถึงการแข่งขันกีฬาระดับนานางานโอลิมปิกฤดูหนาวที่ปักกิ่งเป็นเจ้าภาพ
ซึ่งในเวลานี้เจ้าหน้าที่ต่างทำงานแข่งกับเวลาเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดผ่านทางการจัดตรวจหาเชื้อให้ประชาชนจำนวนมากและการล็อกดาวน์เฉพาะจุด
แต่เนื่องมาจากสาเหตุการเพิ่มขึ้นของเคสติดเชื้อใหม่ทำให้ผู้จัดงานวิ่งมาราธอนอู่ฮั่นกล่าวผ่านแถลงการณ์ที่ออกมาในปลายสัปดาห์ที่แล้วว่า ผู้จัดงานขอเลื่อนการแข่งออกไปจากวันอาทิตย์ที่ 24 ต.ค นี้เนื่องมาจากเหตุผลลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในวงกว้าง
งานวิ่งมาราธอนอู่ฮั่นคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมการแข่งขันราว 26,000 คนของการแข่งขันทั้งวิ่งมาราธอนและมินิมาราธอน และทางคณะกรรมการผู้จัดงานจะคืนเงินค่าสมัครให้ผู้เข้าร่วมเหล่านี้ที่ลงทะเบียนแล้ว อ้างอิงจากสื่อจีนในประเทศ
และในตอนนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่างานวิ่งมาราธอนกรุงปักกิ่ง ครั้งที่ 40 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ถัดไปจะยังเป็นไปตามกำหนดเดิมหรือไม่ ทางผู้จัดยังไม่ติดต่อเอเอฟพีกลับมาในเรื่องนี้
ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขนามิเบียแถลงวันนี้ (24) ว่า จะหยุดการใช้วัคซีนโควิด-19 ของรัสเซีย สปุตนิก วี เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังผู้กำกับยาในแอฟริกาใต้ประเทศเพื่อนบ้านรายงานการศึกษาค้นพบว่า วัคซีนสปุตนิก วี มีผลต่อกลุ่มผู้ชายทำให้เสี่ยงในการติดเชื้อเอดส์ง่าย
รอยเตอร์รายงานว่า ผู้กำกับแอฟริกาใต้ SAHPRA ตัดสินใจไม่อนุมัติให้วัคซีนสปุตนิก วีใช้ฉุกเฉินในประเทศในเวลานี้เป็นเพราะมีการศึกษาบางชิ้นออกมาชี้ว่า การให้ภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีนประเภทไวรัสอะดีโน สายพันุธุ์ 5 (Adenovirus Type 5 vector) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีในวัคซีนสปุตนิก วี สามารถทำให้เกิดความเสี่ยงง่ายขึ้นต่อการติดเชื้อไวรัส HIV ในกลุ่มผู้ชาย
ทั้งแอฟริกาใต้และนามิเบียมีปัญหาในเรื่องนี้โดยทั้ง 2 ประเทศมีอัตราติดเชื้อ HIV สูงซึ่งเชื้อไวรัส HIV เป็นเชื้อที่ทำให้เกิดโรคเอดส์
กระทรวงสาธารณสุขนามิเบียกล่าวในแถลงการณ์ว่า ทางกระทรวงตัดสินใจยุติการใช้วัคซีนสปุตนิก วีเพื่อเป็นการป้องกันให้กลุ่มผู้เข้ารับวัคซีนสปุตนิก วีในกลุ่มผู้ชายที่อาจตกอยู่ในความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการติดเชื้อ HIV พร้อมกับเสริมต่อว่า ทางกระทรวงได้พิจารณาถึงการตัดสินใจของ SAHPRA ร่วมด้วย
อย่างไรก็ตาม สถาบันวิจัยกามาเลยา (Gamaleya Research Institute) ของรัสเซียซึ่งพัฒนาวัคซีนสปุตนิก วีขึ้นมาออกมาโต้ว่าการตัดสินใจของนามิเบียไม่ได้ตั้งอยู่ตามเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ พร้อมกับชี้ว่า วัคซีนสปุตนิก วีเป็นหนึ่งในวัคซีนโควิด-19 ที่มีความปลอดภัยมากที่สุดและมีประสิทธิภาพสูงที่สุดในโลกในการใช้ทั่วโลก
กระทรวงสาธารณสุขนามิเบียแถลงว่า การตัดสินใจของนามิเบียมีผลบังคับใช้ทันทีและทางนามิเบียจะกลับมาใช้วัคซีนรัสเซียอีกครั้งหลังจากสปุตนิก วีได้รับการอนุมัติให้สามารถใช้ฉุกเฉินได้จากองค์การอนามัยโลก WHO แล้ว
ในแถลงการณ์ระบุว่า ในกรณีสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนสปุตนิก วีเข็มแรกไปแล้ว สามารถรับเข็มที่ 2 เพื่อให้ได้รับภูมิคุ้มกันโควิด-19 อย่างสมบูรณ์ได้
รอยเตอร์รายงานว่า นามิเบียรับวัคซีนสปุตนิก วี จำนวน 30,000 โดสเป็นการบริจาคมาจากเซอร์เบีย แต่ทว่ามาจนถึงวันที่ 20 ต.ค.เพิ่งแจกไปให้กับประชาชนแค่ 115 โดส นอกจากวัคซีนสปุตนิก วีแล้วพบว่า นามิเบียยังใช้วัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวคและซิโนฟาร์มจากจีน วัคซีนไฟเซฟอร์-ไบออนเทค และวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันจากสหรัฐฯ รวมไปถึงวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจากอังกฤษ โดยทางรัฐบาลนามิเบียได้รับวัคซีนเหล่านี้ผ่านทางข้อตกลงการจัดหาร่วมและการบริจาค
นามิเบียมีประชากรที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบโดสจำนวน 240,000 คนของประชากรทั้งหมดราว 2.5 ล้านคน แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากของประเทศในทวีปแอฟริกาที่จะสามารถหาวัคซีนโควิด-19 มาครอบครองได้ท่ามกลางการแข่งขันอย่างดุเดือดทั่วโลก