รถบัสขนส่งทหารซีเรียถูกคนร้ายใช้ระเบิดโจมตีที่ใจกลางกรุงดามัสกัส ทำให้มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 14 ราย ซึ่งถือเป็นเหตุโจมตีนองเลือดครั้งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นกับเมืองหลวงซีเรียในรอบ 4 ปี
แม้จะยังไม่มีฝ่ายใดออกมาอ้างความรับผิดชอบ แต่หลังเกิดเหตุไม่นาน กองกำลังรัฐบาลซีเรียได้เปิดฉากยิงถล่มพื้นที่ในจังหวัดอิดลิบ (Idlib) ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของพวกกบฏที่เคยก่อวินาศกรรมลักษณะนี้มาก่อน และทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 8 ราย
สำนักข่าว SANA ซึ่งเป็นสื่อของทางการซีเรียรายงานว่า “ผู้ก่อการร้ายกดระเบิด 2 ลูกโจมตีรถบัสที่ขับผ่านมา” บริเวณสะพานสำคัญแห่งหนึ่งในกรุงดามัสกัส ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 14 คน และบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 3 คน
ภาพจากจุดเกิดเหตุเผยให้เห็นสภาพรถบัสซึ่งถูกแรงระเบิดและไฟไหม้จนเหลือแต่โครงเหล็ก ขณะที่หน่วยเก็บกู้ระเบิดยังสามารถปลดชนวนระเบิดลูกที่ 3 ซึ่งคนร้ายนำมาซุกซ่อนไว้ในบริเวณเดียวกัน
อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวด้านการทหารคนหนึ่งบอกว่า ระเบิดได้ถูกนำมาซุกซ่อนบนรถบัส ก่อนที่คนร้ายจะกดชนวนในขณะที่รถกำลังแล่นผ่านสะพาน ฮาเฟซ อัล-อัสซาด ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติใจกลางเมืองหลวง
เหตุระเบิดครั้งล่าสุดยังถือเป็นสัญญาณท้าทายคำกล่าวอ้างของรัฐบาลประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ที่บอกว่าสงครามกลางเมืองนั้นสิ้นสุดลงแล้ว และการันตีว่าบ้านเมืองได้กลับสู่เสถียรภาพเพียงพอที่จะเริ่มต้นกระบวนการฟื้นฟูและการลงทุนใหม่ๆ
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ กรุงดามัสกัสแทบไม่เคยเผชิญเหตุโจมตีร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่กองทัพซีเรียและกลุ่มติดอาวุธพันธมิตรสามารถยึดฐานที่มั่นสำคัญของพวกกบฏใกล้ๆ เมืองหลวงได้สำเร็จเมื่อปี 2018
ก่อนหน้านั้น กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้ใช้ระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีศาลสูงสุดในกรุงดามัสกัสเมื่อเดือน มี.ค. ปี 2017 ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 คน
ที่มา: เอเอฟพี