เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - มีรายงานรั่วออกจากหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่สหรัฐฯว่า องค์การอาหารและยาอเมริกา FDA จะอนุญาตให้ใช้สูตรไขว้ฉีดเข็มที่ 3 ยี่ห้อต่างจากวัคซีนโควิด-19ที่รับครั้งแรกได้เพื่อสะดวกกับบรรดาแพทย์ผู้่ให้บริการ หลังกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเปิดเผยการวิจัยระยะสั้นพบวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันมีประสิทธิภาพต่ำ คนเคยฉีดเข็มแรกแบบโดสเดียวต้องใชเ้วัคซีนเข็มกระตุ้นโมเดอร์นาช่วยเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันได้สูงสุด
เดอะฮิลล์ของสหรัฐฯรายงานวันนี้(19 ต.ค)ว่า หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานในวันจันทร์(18)โดยอ้างอิงจากแหล่งข่าวใกล้ชิดว่า ในเวลานี้ทางองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ FDA มีแผนที่จะไฟเขียวให้สามารถใช้สูตรไขว้สำหรับเข็มกระตุ้นสำหรับผู้ที่เคยได้รับวัคซีนโควิด-19
แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดเปิดเผยว่า FDA สามารถประกาศการตัดสินใจได้ไวสุดภายในต้นสัปดาห์นี้ ซึ่งมาจนถึงเวลานี้มีแค่วัคซีนเข็มกระตุ้นจากบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคเท่านั้นที่ได้รับไฟเขียว
และคณะกรรมการที่ปรึกษาของ FDA สนับสนุนการใช้เข็มกระตุ้นสำหรับวัคซีนเข็มกระตุ้นของบริษัทโมเดอร์นาและบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน รอยเตอร์ชี้
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานว่า เหตุผลที่ FDA มีแผนจะอนุญาตให้สามารถใช้วัคซีนเข็มกระตุ้นแตกต่างจากยี่ห้อวัคซีนโควิด-19ที่เคยได้รับซึ่งเป็นการฉีดแบบไขว้เหมือนเช่นในหลายประเทศเพื่อต้องการลดการร้องขอวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันและยังเป็นการเพิ่มความสะดวกให้กับบรรดาแพทย์ผู้ให้บริการ
ทั้งนี้รัฐบาลสหรัฐฯไม่แนะนำให้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19แบบไขว้ และยังชี้ว่า จะเป็นการดีกว่าหากจะสามารถรับวัคซีนเข็มกระตุ้นยี่ห้อเดียวกันกับที่เคยได้รับสำหรับวัคซีนโควิด-19 หากว่าสามารถเป็นไปได้
ความเคลื่อนไหวนี้ถูกคาดการณ์ในวันศุกร์(15)เมื่อนักวิจัยได้แสดงการค้นพบของการศึกษาการฉีดแบบไขว้ที่ได้รับการสนับสนุนเงินในการวิจัยจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษาขององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ FDA
ผลการศึกษาพบว่าผู้ที่เคยฉีดวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันแบบ 1 โดสและได้รับเข็มกระตุ้นของโมเดอร์นาพบว่ามีระดับแอนติบอดี้ของร่างกายเพิ่มขึ้น 76 เท่าใน 15 วัน เปรียบเทียบกับการได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นจากยี่ห้อเดิมคือจอห์นสันแอนด์จอห์นสันที่จะสามารถทำให้ระดับแอนติบอดี้เพิ่มขึ้นเพียงแค่ 4 เท่า
และผู้กำกับสหรัฐฯในสัปดาห์นี้มีเป้าหมายต้องการขยายจำนวนชาวอเมริกันที่มีสิทธิ์รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพิ่มมากขึ้น นิวยอร์กไทม์สกล่าว
ซึ่งภายในค่ำวันพุธ(20)คาดว่า FDA จะประกาศผลการตัดสินใจเกี่ยวกับวัคซีนเข็มกระตุ้นของบริษัทโมเดอร์นาและบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และเชื่อว่าทางองค์การจะประกาศแผนสำหรับสูตรการฉีดแบบไขว้หลังจากนั้น
ซึ่งสำหรับในส่วนของการรับวัคซีนเข็มกระตุ้นของวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคจะต้องห่างจากเข็มที่ 2 ไปไม่ต่ำกว่า 6 เดือน หนังสือพิมพ์สหรัฐฯรายงาน
ขณะเดียวกันคณะกรรมการที่ปรึกษาศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐฯ CDC คาดว่าจะหารือเกี่ยวกับวัคซีนเข็มกระตุ้นของโควิด-19ในวันพฤหัสบดี(21) และหลังจากนั้นทางหน่วยงานจะออกคำแนะนำของตัวเองหลังจากนั้น ซึ่งภายในสิ้นสัปดาห์คาดว่าจะมีประชากรชาวอเมริกันจำนวนกว่าหลายสิบล้านมีสิทธิ์ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น
ซึ่งการศึกษาที่แสดงต่อคณะกรรมการที่ปรึกษา FDA สัปดาห์ที่แล้วเป็นการศึกษาโดยสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯN.I.H. (National Institutes of Health) ชี้ไปว่า ผู้ที่เคยฉีดวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันแบบ 1 โดสนั้นคาดว่าจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากวัคซีนเข็มกระตุ้นของบริษัทโมเดอร์นา นอกจากนี้ในการศึกษายังพบว่า ผู้ที่รับวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันมีระดับแอนติบอดี้สูงขึ้นหลังจากได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นจากของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทค สูงกว่าได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นของบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเอง แต่ไม่สูงเมื่อเทียบกับของโมเดอร์นา
ซึ่งในการศึกษาทาง N.I.H.ใช้ 1 โดสเต็มของวัคซีนโมเดอร์นาในการทดสอบแต่ทว่าบรรดาผู้กำกับสหรัฐฯนั้นกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาสำหรับครึ่งโดสด้วยเช่นกัน โดยในการรายงานสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้เชี่ยวชาญย้ำว่า การศึกษาที่จัดทำขึ้นนั้นทำเฉพาะในกลุ่มการศึกษาอาสาสมัครขนาดเล็กและเป็นการศึกษาระยะสั้นเท่านั้น พร้อมเตือนว่าไม่สมควรนำผลการวิจัยที่ได้เพื่อบ่งชี้ว่า การผสมของวัคซีนแบบใดจะดีกว่ากัน