เอเอฟพี/รอยเตอร์ – ทายาทกลุ่มธุรกิจซัมซุง ลี แจ-ยอง (Lee Jae-yong) ยอมรับความผิดในศาลกรุงโซลวันอังคาร(12 ต.ค) คดีการใช้ยาระงับประสาทโปรโพฟอล(Propofol)ผิดกฎหมายของเขา อ้างเกิดขึ้นในช่วงเวลาเครียดจัดใช้เพื่อการรักษาพยาบาล แต่เป็นตัวยาเดียวกันที่บรรดาผู้มีชื่อเสียงใช้เพื่อผ่อนคลายและเคยทำให้อดีตนักร้องลูบเป้าผู้โด่งดัง ไมเคิล แจ็คสัน ต้องเสียชีวิตมาแล้ว
เอเอฟพีรายงานวันนี้(12 ต.ค)ว่า ในการขึ้นศาลพิจารณาคดีใช้สารระงับประสาทโปรโพฟอล(Propofol) ทายาทกลุ่มธุรกิจซัมซุง ลี แจ-ยอง (Lee Jae-yong) สวมสูทสีน้ำเงินเข้มและสวมหน้ากากอนามัยไม่ยอมปริปากให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่ขอสัมภาษณ์ระหว่างเขาเดินเข้าไปในศาลแขวงกลางโซล
ลีดำรงตำแหน่งรองประธานกลุ่มธุรกิจซัมซุง และนิตยสารฟ็อบส์รายงานว่า เขาเป็นบุคคลที่มีความร่ำรวยมากที่สุดในโลกในลำดับที่ 297 ถูกกล่าวหาว่าแอบใช้สารระงับประสาทหลายครั้งที่คลินิกศัลยกรรมตกแต่งในกรุงโซลในปี 2017 และปี 2018
ทั้งนี้สารโปรโพฟอลมักถูกใช้ในวงการวิสัญญีในโรงพยาบาลแต่บางครั้งมีการนำสารตัวนี้มาใช้เพื่อการผ่อนคลาย และการใช้สารโปรโพฟอลมากจนเกินไปที่เรียกว่าโอเวอร์โดส ยาตัวนี้เคยทำให้อดีตนักร้องลูบเป้าชื่อดังของสหรัฐฯ ไมเคิล แจ็คสัน เสียชีวิตมาแล้วเมื่อวันที่ 25 มิ.ย ปี 2009
ซึ่งการใช้อย่างผิดกฎหมายนี้ถูกมองว่าเป็นคดีความผิดเล็กน้อยในเกาหลีใต้และในตอนแรกอัยการโซลได้ร้องขอต่อศาลให้ลงโทษปรับ 50 ล้านวอนหรือราว 42,000 ล้านดอลลาร์ในคำฟ้องซึ่งในกรณีความผิดที่คล้ายกันนี้มักจะไม่ต้องไปขึ้นศาล เอเอฟพีชี้
แต่ศาลเกาหลีใต้ออกคำสั่งให้ต้องมีกระบวนการพิจารณาคดีสำหรับคดีการใช้โปรโพฟอลของลีเจวาย
สำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้รายงานว่า ลีได้กล่าวขออภัยต่อศาลในวันอังคาร(12) “ผมขออภัยที่ทำให้เกิดความลำบากและเป็นที่วิตกกังวลเนื่องมาจากเรื่องส่วนตัวของผม”
และเขากล่าวอย่างยอมรับอีกว่า “สิ่งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ตกต่ำของตัวเองและถึงแม้จะเป็นการใช้เพื่อจุดประสงค์เพื่อการรักษาทางการแพทย์เป็นหลัก ผมมีความรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง”
อัยการเกาหลีใต้เรียกร้องค่าปรับทายาทซัมซุงสูงถึง 70 ล้านวอนพร้อมกับการยึดทรัพย์มูลค่า 17 ล้านวอน รอยเตอร์รายงานว่า ศาลแขวงกลางโซลมีกำหนดจะออกคำพิพากษาในวันที่ 26 ต.ค ที่จะถึง
ซึ่งเจ้าหน้าที่คลินิกศัลยกรรมตกแต่งที่ลีใช้บริการถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกันแต่ปฎิเสธว่าไม่ได้กระทำผิดใดๆ โดยในการขึ้นศาลของลี เจ ยอง ในวันอังคาร(12) เขายืนยันว่าจะไม่ทำผิดอีกครั้งและกล่าวว่าไม่ได้ใช้ยาตัวนี้นับตั้งแต่ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำของตัวเองเมื่อสิงหาคม
รอยเตอร์รายงานว่า ลีในตอนแรกต้องการเข้ารับการรักษาเนื่องมาจากเกิดความเครียดอย่างรุนแรงจากความกดดันจากการที่บิดาต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลและรวมไปถึงความเครียดที่เกิดมาจากคดีคอร์รัปชันที่อื้อฉาวและการพิจารณาไต่สวนชั้นศาลในเดือนมกราคมที่นำไปสู่การตัดสินความผิดของเขาเมื่อมกราคม อ้างอิงจากทนายความของลีเจวาย