คิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ระบุกองทัพโสมแดงจำเป็นต้องเดินหน้าพัฒนาระบบอาวุธให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นไปอีก เพื่อให้สามารถต่อกรกับความก้าวร้าวของสหรัฐฯ และการยกระดับศักยภาพของกองทัพเกาหลีใต้
สำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนือรายงานวันนี้ (12 ต.ค.) ว่า ผู้นำ คิม ได้เดินทางไปเยี่ยมชมนิทรรศการด้านกลาโหมเพื่อการป้องกันตนเอง (Self-Defence 2021) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเปียงยางเมื่อวันจันทร์ (11) โดยภายในงานมีการจัดแสดงระบบอาวุธต่างๆ รวมถึงขีปนาวุธฮวาซอง-16 ซึ่งเป็นขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) ขนาดใหญ่ที่สุดของเกาหลีเหนือ และเคยถูกนำออกมาอวดสายตาชาวโลกในพิธีสวนสนามกองทัพเมื่อเดือน ต.ค. ปี 2020 มาแล้วครั้งหนึ่ง แม้จะยังไม่เคยยิงทดสอบจริงก็ตาม
ผู้นำ คิม ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ซึ่งมีใจความส่วนหนึ่งว่า สหรัฐฯ คือ “ตัวต้นเหตุ” ของความไร้เสถียรภาพ และเป้าหมายการพัฒนากองทัพของเกาหลีเหนือนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันตนเอง มิได้มีเจตนาก่อสงคราม
“เราไม่ได้หมายก่อสงครามกับใคร แต่ต้องการป้องกันไม่ให้เกิดสงครามมากกว่า และจะเพิ่มศักยภาพในการยับยั้งสงครามอย่างจริงจังเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ”
คิม ยังเอ่ยย้ำว่า ศัตรูที่แท้จริงของเกาหลีเหนือก็คือ “สงคราม” นั่นเอง
บรรยากาศบนคาบสมุทรเกาหลีเริ่มทวีความร้อนระอุ หลังจากเกาหลีทั้งสองฝ่ายต่างก็แข่งกันพัฒนาอาวุธ โดยมีการยิงทดสอบจรวดพิสัยใกล้และยุทโธปกรณ์ที่ล้ำสมัยอื่นๆ บ่อยขึ้น
เกาหลีใต้ประสบความสำเร็จในการยิงทดสอบขีปนาวุธจากเรือดำน้ำ (SLBM) รุ่นแรกของประเทศเมื่อเร็วๆ นี้ และเตรียมที่จะสร้างเรือบรรทุกเครื่องบิน รวมถึงสั่งซื้อเครื่องบินขับไล่สเตลธ์ F-35 จากสหรัฐอเมริกาอีกฝูงใหญ่
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์เตือนว่าโครงการขีปนาวุธของเกาหลีเหนือก็ก้าวหน้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง และปรากฏสัญญาณว่าเกาหลีเหนือกำลังขยายเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หลักที่ใช้ผลิตเชื้อเพลิงสำหรับระเบิดนิวเคลียร์
สหรัฐฯ ยืนยันว่าพร้อมจะเปิดเจรจาทางการทูตกับเกาหลีเหนือเมื่อไหร่ก็ได้ ขณะที่เปียงยางยังคงไม่เล่นด้วย และยืนกรานให้วอชิงตันต้องลดนโยบายไม่เป็นมิตร เช่น การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ หรือปฏิบัติการซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้ลงเสียก่อน
ผู้นำ คิม ระบุว่า การที่สหรัฐฯ อ้างว่าไม่มีเจตนาร้ายต่อเกาหลีเหนือนั้น “ยากที่จะเชื่อถือได้” เนื่องจากอเมริกายังคง “ตัดสินใจและทำในสิ่งที่ผิดพลาด” อยู่ตลอด แต่ คิม ไม่ได้ลงรายละเอียดว่าหมายถึงอะไร
สัปดาห์ที่แล้ว เปียงยางและโซลได้เชื่อมสายด่วนระหว่างรัฐบาลซึ่งถูกตัดทิ้งไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน อันเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผู้นำโสมแดงยังคงวิจารณ์โซลว่า “ทะเยอทะยานอย่างขาดความยับยั้งชั่งใจ” และใช้ทัศนคติแบบ “ตีสองหน้า ไร้เหตุผล”
“ความพยายามที่อันตรายและไร้ขีดจำกัดของพวกเขาที่จะยกระดับความเข้มแข็งของกองทัพ กำลังทำลายดุลอำนาจทางทหารบนคาบสมุทรเกาหลี และบั่นทอนเสถียรภาพด้านการทหาร”
ซูห์ ฮุน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของเกาหลีใต้ มีกำหนดเข้าพบ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในวันนี้ (12) เพื่อหารือปัญหาเกาหลีเหนือ รวมถึงหยิบยกข้อเสนอของประธานาธิบดี มุน แจอิน ที่ขอให้มีการประกาศปิดฉากสงครามเกาหลีอย่างเป็นทางการ และผ่อนคลายคว่ำบาตรให้แก่โสมแดง ตามรายงานของสำนักข่าวยอนฮัป
ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี