เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - สัปดาห์การยื่นใบสมัครลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งผู้นำทำเนียบมาลากันยังได้สิ้นสุดลงในวันศุกร์ (8 ต.ค.) ว่า ซาร่า ดูเตอร์เต-คาร์ปิโอ (Sara Duterte-Carpio) บุตรสาวประธานาธิบดีดูเตอร์เต สร้างความผิดหวังให้ผู้สนับสนุน เหลือแต่บุตรชายของอดีตประธานาธิบดี เฟอร์ดินาน มาร์กอส อดีตนักค้ากำปั้นแชมเปียนชื่อดัง แมนนี่ ปาเกียว รองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ และนายกเทศมนตรีกรุงมะนิลา
CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้ (9 ต.ค.) ว่า กลายเป็นที่ฮือฮาหลังจากประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ผู้โด่งดัง โรดริโก ดูเตอร์เต วัย 76 ปี ประกาศในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เขาจะเกษียณอายุทางการเมือง แต่วิบากกรรมยังไม่หมดเพราะในเวลานี้มีข่าวออกมาว่า ดูเตอร์เต กำลังอยู่ในระหว่างการเตรียมพร้อมทางกฎหมายเพื่อปกป้องตัวเองหลังจากศาลอาญาระหว่างประเทศ ICC ที่เฮกในเดือนกันยายนประกาศเปิดการสอบสวนโครงการทำสงครามยาเสพติดของดูเตอร์เตแล้ว
วันศุกร์ (8) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการยื่นใบสมัครเพื่อลงรับเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์คนใหม่ แต่ทว่ากลับไร้เงาบุตรสาววัย 43 ปี ของดูเตอร์เตคือ ซาร่า ดูเตอร์เต-คาร์ปิโอ (Sara Duterte-Carpio)
รอยเตอร์รายงานเรื่องนี้ในวันศุกร์ (8) ว่า บรรดาผู้สนับสนุนของบุตรสาวดูเตอร์เตที่ไม่ได้เห็นเธอลงชิงรับสมัครการเลือกตั้งต่อจากดูเตอร์เตผู้เป็นบิดา อย่างไรก็ตาม บุตรสาวดูเตอร์เต กล่าวยืนยันอย่างหนักแน่นว่า เธอต้องการที่จะยังคงลงชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองดาเวา (Davao) ซึ่งถือว่าใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ โดยเธอทำหน้าที่นี้มาแล้วถึง 2 สมัย ต่อจากโรดริโก ดูเตอร์เต ผู้เป็นบิดา
“ดิฉันต้องการแสดงตัวต่อชาวดาเวาในฐานะนายกเทศมนตรีสมัยที่ 3 และเป็นครั้งสุดท้ายของตัวเองในฐานะนักการเมือง” ดูเตอร์เต-คาร์ปิโอ กล่าวผ่านแถลงการณ์ทางเฟซบุ๊กของตัวเองในวันศุกร์ (8)
ซึ่งภายใต้กฎการเลือกตั้งฟิลิปปินส์ พบว่า ผู้สมัครมีโอกาสไปจนถึงวันที่ 15 พ.ย.ที่จะทำการถอนและลงสมัครในตำแหน่งอื่น หรือยื่นเรื่องให้ผู้อื่นลงรับสมัครแทน ทำให้ยังคงมีโอกาสอีกมากคล้ายคลึงกับในสมัยของประธานาธิบดีดูเตอร์เต ที่ยื่นใบสมัครในนาทีสุดท้ายเมื่อปี 2015
และหากว่าบุตรสาวดูเตอร์เตไม่เข้าร่วมการเลือกตั้งทำเนียบมาลากันยังครั้งใหม่จริง จะทำให้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปินส์รอบใหม่นี้เหลือได้แก่ บุตรชายอดีตผู้นำเผด็จการฟิลิปปินส์ เฟอร์ดินานด์ “บองบอง” มาร์กอส จูเนียร์ (Ferdinand "Bongbong" Marcos Jr.) แมนนี่ ปาเกียว (Manny Pacquiao) ส.ว.และอดีตนักชกมวยแชมเปียนชื่อดัง รองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ผู้ที่มักออกมาวิจารณ์ดูเตอร์เต เลนี โรเบรโด (Leni Robredo ) และอีสโก โมเรโน (Isko Moreno) นายกเทศมนตรีกรุงมะนิลา CNN ชี้
ในขณะที่สายตาของทุกคนกำลังจับจ้องไปที่ผู้สมัครที่คาดว่าจะเป็นผู้นำฟิลิปปินส์คนใหม่แทนดูเตอร์เตที่นั่งอยู่จนครบ 2 สมัย และไม่สามารถลงชิงต่อในสมัยที่ 3 ได้ ถึงแม้ว่าเขาเคยเปรยออกมาว่า จะลงชิงในฐานะรองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ในสมัยถัดไปคู่กับบุตรสาวของตัวเองก็ตาม
ด้านผู้ชนะรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปีนี้ นักสื่อสารมวลชนฟิลิปปินส์ มาเรีย เรสซา (Maria Ressa) เจ้าของและผู้บริหารสื่อฟิลิปปินส์ชื่อดัง Rappler กล่าวแสดงความเห็นถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ครั้งใหม่ว่า
“พวกเรากำลังอยู่ขอบหน้าผา...ไม่ว่าใครก็ตามที่จะชนะการเลือกตั้งจะเป็นผู้ประเมินว่าพวกเราจะมีความเป็นนิติรัฐหรือไม่ หรือเศรษฐกิจของพวกเราจะเติบโต หรือพวกเราจะรอดพ้นจากไวรัส หรือที่ว่าสังคมของพวกเราจะสามารถเยียวยา” เธอกล่าว
ขณะที่ ริชาร์ด เฮย์ดาเรียน (Richard Heydarian) ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์และคณะรัฐศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคของฟิลิปปินส์ ชี้ว่า ยังไม่มีผู้สมัครที่โดดเด่นนำอย่างชัดเจนในเวลานี้ และยังคาดว่าการเลือกตั้งฟิลิปปินส์รอบนี้จะต้องเป็นการแข่งขันอย่างดุเดือด
พร้อมชี้ว่าการเลือกตั้งฟิลิปปินส์มีแค่รอบเดียวต่างจากของประเทศอื่นเป็นต้นว่า ฝรั่งเศส ซึ่งหมายความว่าใครก็ตามที่มีคะแนนนำในผลการนับคะแนนเลือกตั้งที่สิ้นสุดลงแล้วจะได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ ไม่สนใจว่าคะแนนที่ได้รับจะมากน้อยเพียงใด
“การแข่งขันที่สูสีเช่นนี้รางวัลสามารถที่จะตกเป็นของใครก็ได้ และเป็นการเดิมพันที่สูง” เขากล่าว