เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - คณะกรรมการโนเบลนอร์เวย์ แถลงประกาศผลรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ประจำปี 2021 ตกเป็นของนักสื่อสารมวลชนจากฟิลิปปินส์ มาเรีย เรสซา (Maria Ressa) และจากรัสเซีย ดมิตรี มูราตอฟ (Dmitry Muratov) สำหรับการต่อสู้เพื่อปกป้องเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นในทั้ง 2 ประเทศ ถือเป็นเงื่อนไขสำหรับประชาธิปไตยและการนำไปสู่สันติภาพที่ถาวร
CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานวันนี้ (8 ต.ค.) ว่า คณะกรรมการโนเบลนอร์เวย์ออกแถลงการณ์ในวันศุกร์ (8) ถึงผลผู้ชนะรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปีนี้ว่า ตกเป็นของนักสื่อสารมวลชนที่ต่อสู้เพื่อเสรีภาพในการแสดงความเห็นทั้งในประเทศฟิลิปปินส์และรัสเซีย เกิดขึ้นในช่วงเวลาเสรีภาพการแสดงความเห็นทั่วโลกตกอยู่ภายใต้การคุกคาม
CNN ชี้ว่า เป็นเวลา 5 ปีติดต่อกันที่คณะกรรมการปกป้องนักสื่อสารมวลชน (Committee to Protect Journalists) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรค้นพบว่า มีนักข่าวทั่วโลกไม่ต่ำกว่า 250 คน ถูกจำคุกเนื่องมาจากการทำงานของตัวเอง ซึ่งมีนักข่าวในพม่าที่ต้องถูกจำคุกจากการทำงานหลังรายงานข่าวการทำรัฐประหารพม่าและการเคลื่อนไหวของประชาชนฝ่ายตรงข้าม นักข่าวถูกลอบสังหารในมอลตาเมื่อปี 2017 และที่ไอร์แลนด์ในปี 2019 และมีนักข่าวสายอาชญากรรมถูกสังหารที่เนเธอร์แลนด์ปีนี้ เป็นต้น
โดยอ้างไปถึงความท้าท้ายที่นักข่าวต้องถูกปิดปากหรือถูกกวาดล้างจากอำนาจรัฐ ในวันศุกร์ (8) คณะกรรมการโนเบลนอร์เวย์ กล่าวว่า เสรีภาพ ความเป็นอิสระ และการสื่อสารมวลชนข้อเท็จจริงได้รับใช้สังคมด้วยการปกป้องจากใช้อำนาจมิชอบ ข้อมูลบิดเบือน และโฆษณาชวนเชื่อทั้งหลาย
“คณะกรรมการโนเบลนอร์เวย์มีความเชื่อว่าเสรีภาพของการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพของข้อมูลช่วยทำให้สาธารณะได้รับรู้ สิทธิเหล่านี้ถือเป็นเงื่อนไขสำคัญสำหรับประชาธิปไตยและป้องกันจากสงครามและความขัดแย้ง ซึ่งรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพที่ให้แก่ มาเรีย เรสซา และดมิตรี มูราตอฟ มีความตั้งใจเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการปกป้องและการป้องกันสิทธิขั้นพื้นฐานเหล่านี้” ประธานคณะกรรมการรางวัลโนเบลนอร์เวย์ เบริต รีสส์-แอนเดอร์เซน (Berit Reiss-Andersen) กล่าวผ่านแถลงการณ์
และในแถลงการณ์ยังชี้อีกว่า “หากปราศจากเสรีภาพของการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพของสื่อสารมวลชนแล้วมันจะเป็นการยากที่จะประสบความสำเร็จในการสนับสนุนความเป็นพี่น้องระหว่างรัฐ การปลดอาวุธและระเบียบโลกที่ดีขึ้นเพื่อให้ประสบความสำเร็จในยุคสมัยของพวกเรา รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปีนี้ ดังนั้นแล้วจึงตอกย้ำในการสนับสนุนต่อเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้ง อัลเฟรด โนเบล เป็นอย่างดี”
สำหรับผู้ชนะได้แก่ มาเรีย เรสซา นั้น NBC News สื่อสหรัฐฯ รายงานเพิ่มเติมว่า เธอเป็นผู้ก่อตั้งร่วมสื่อฟิลิปิปนส์ชื่อดัง Rappler ซึ่งเป็นสื่อดิจิทัลเชิงสอบสวน มีการรายงานข่าวเจาะลึกในโครงการฆ่าตัดตอนยาเสพติดของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ โรดริโก ดูเตอร์เต ส่วน ดมิตรี มูราตอฟ เป็นผู้ก่อตั้งร่วมและบรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์อิสระ โนวายา กาเซตา (Novaya Gazeta) ในรัสเซีย ที่มักรายงานข่าวเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจนิยมเพิ่มมากขึ้นในประเทศของประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน
ในการแถลงทางคณะกรรมการโนเบลนอร์เวย์ชี้อีกว่า การมอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพให้นักสื่อสารมวลชนในปีนี้เพื่อต้องการให้ทุกคนตระหนักเห็นปัญหาของนักข่าวทั่วโลกที่ต้องทำงานอย่างหนักภายใต้สภาพแวดล้อมที่กดขี่เพิ่มมากขึ้น
“รางวัลนี้จะไม่ช่วยแก้ปัญหาของนักสื่อสารมวลชนและสิ่งที่เสรีภาพของการแสดงความคิดเห็นกำลังเผชิญ” รีสส์-แอนเดอร์เซน แถลงและเสริมต่อว่า “แต่มันจะช่วยทำให้เห็นถึงความสำคัญของการทำงานของนักสื่อสารมวลชนและภยันตรายอย่างไร...ที่มันไม่เพียงแต่กำลังเผชิญหน้ากับสงครามและความขัดแย้งแต่มีอยู่ทั่วทั้งโลก”
นักข่าวฟิลิปปินส์ เรสซา กล่าวแสดงความรู้สึกผ่าน Rappler ว่า เธอรู้สึกตกใจที่ได้ทราบผลการประกาศรางวัล และเปิดเผยว่า เธอได้รับแจ้งว่าเธอชนะรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพร่วมกับอีกคนแต่ไม่ได้รับการเปิดเผยชื่อให้ได้รู้
ขณะที่มูราตอฟ ซึ่งทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการบริหารให้หนังสือพิมพ์อิสระในรัสเซียซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยาก NBC News ชี้ นักข่าวของเขาถูกคุกคามและข่มขู่และมีจำนนมากถึง 6 คนถูกสังหารไปรวมถึง อันนา โพลิตคอฟสกายา (Anna Politkovskaja) ที่ถูกยิงเสียชีวิตที่อพาร์ตเมนต์ของเธอในกรุงมอสโกเมื่อปี 2006
คณะกรรมการโนเบลนอร์เวย์กล่าวสดุดีต่อมูราตอฟ ว่า “ถึงแม้จะถูกสังหารและคุกคาม บรรณาธิการบริหาร มูราตอฟ ยังคงปฏิเสธที่จะละทิ้งนโยบายความเป็นอิสระของหนังสือพิมพ์”
ซึ่งถึงแม้ว่าหนังสือพิมพ์โนวายา กาเซตา มักจะวิพากษ์วิจารณ์เจ้าหน้าที่รัฐบาลรัสเซีย แต่ทว่าในวันศุกร์ (8) โฆษกรัฐบาลเครมลิน ดมิตรี เปซคอฟ ออกมาแสดงความยินดีต่อ ดมิตรี มูราตอฟ สำหรับการชนะรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพที่ทรงเกียรตินี้
“เขาทำงานอย่างไม่หยุดที่สอดคล้องไปกับความเชื่อของเขา เขาทุ่มเทให้กับมัน เขามีความสามารถและเขากล้าหาญ”