“ไบเดน-สี” ตกลงในหลักการที่จะจัดประชุมซัมมิตแบบเสมือนจริงก่อนสิ้นปีนี้ หลังเจ้าหน้าที่อาวุโสของสองชาติร่วมหารือเพื่อปรับความสัมพันธ์ โดยที่ทั้งสองฝ่ายต่างระบุว่า การเจรจาเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และลงลึกกว่าครั้งใดในรอบปีนี้ อย่างไรก็ดี ปักกิ่งยังยืนกรานเรียกร้องให้วอชิงตันเลิกใช้ไต้หวันและประเด็นต่างๆ เป็นข้ออ้างในการแทรกแซงกิจการภายใน
เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันพุธ (6 ต.ค.) ว่า อเมริกาและจีนกำลังดำเนินการเพื่อกำหนดรูปแบบการประชุมเสมือนจริงระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่จะมีขึ้นภายในปลายปีนี้
การตกลงในหลักการดังกล่าวมีขึ้นหลังการพบกันระหว่างเจค ซุลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว กับ หยาง เจือฉือ ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศอาวุโสของจีน ที่เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเวลานาน 6 ชั่วโมงเมื่อวันพุธ
จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งในคณะบริหารสหรัฐฯ การประชุมสุดยอดเสมือนจริงระหว่างประมุขของสหรัฐฯและจีนครั้งนี้ ได้รับการนำเสนอออกมา หลังจาก ไบเดน ที่เคยติดต่อคลุกคลีกับ สี นานพอสมควรระหว่างที่ทั้งคู่ยังดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ระหว่างการพูดคุยทางโทรศัพท์เมื่อต้นเดือนกันยายนว่า อยากพบผู้นำจีนอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี สี นั้นไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศเลยนับจากไวรัสโคโรนาระบาดและคาดว่าจะไม่ไปร่วมประชุมสุดยอด กลุ่มจี20 ที่อิตาลีเดือนหน้า รวมถึงการประชุมสุดยอดสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่สกอตแลนด์ที่จะมีขึ้นเร็วๆ นี้ ดังนั้น การพบกันจึงต้องอยู่ในรูปการประชุมหารือทางไกล
ขณะเดียวกัน ทำเนียบขาวออกคำแถลงเกี่ยวกับการประชุมที่ซูริกว่า ซุลลิแวน ย้ำกับ หยาง ถึงความจำเป็นในการคงช่องทางการติดต่อระหว่างกัน พร้อมกันนี้ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการยั่วยุทางทหารของจีนต่อไต้หวัน การละเมิดสิทธิมนุษยชนกลุ่มชาติพันธุ์ และความพยายามในการกวาดล้างผู้สนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกง
นอกจากนั้นทำเนียบขาวยังระบุว่า การหารือครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อสานต่อการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างไบเดนกับสีที่ผู้นำสหรัฐฯ ย้ำถึงความจำเป็นในการกำหนดขอบเขตการแข่งขัน
ทางด้านเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนเดิม กล่าวเพิ่มเติมว่า ซุลลิแวนแสดงออกอย่างชัดเจนว่า อเมริกาจะยังคงลงทุนเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของประเทศ และต้องการปรับปรุงการติดต่อสื่อสารระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสเพื่อให้มั่นใจว่า สองประเทศจะแข่งขันกันอย่างมีความรับผิดชอบ
ก่อนหน้านี้ อเมริกาโวยว่า ในการหารือกับฝ่ายเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน ซึ่งรวมถึงหยาง ในช่วงที่ไบเดนเพิ่งเข้ารับตำแหน่งนั้น บรรยากาศไม่ค่อยสร้างสรรค์นัก แต่สำหรับการประชุมเมื่อวันพุธ เจ้าหน้าที่คนเดิมระบุว่า เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ เคารพกันและกัน และหารือกันเชิงลึกที่สุดนับตั้งแต่ที่ไบเดนเข้าสู่ทำเนียบขาวในเดือนมกราคม
สำหรับทางฝ่ายจีนนั้น สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนขานรับว่า จีนให้ความสำคัญกับความคิดเห็นแง่บวกของประธานาธิบดีไบเดนเมื่อเร็วๆ นี้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ปักกิ่ง-วอชิงตัน รวมถึงการที่อเมริการะบุว่า ไม่ต้องการทำสงครามเย็นรอบใหม่
นอกจากนั้น กระทรวงการต่างประเทศจีนยังแถลงว่า หยางกล่าวกับซุลลิแวนว่า การเผชิญหน้าจะส่งผลร้ายต่อทั้งสองประเทศรวมถึงทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม หยางยังกล่าวสำทับว่า จีนคัดค้านการให้คำจำกัดความความสัมพันธ์สองชาติว่าเป็น “การแข่งขัน” กัน และเรียกร้องให้อเมริกาเลิกใช้เรื่องไต้หวัน ฮ่องกง สิทธิมนุษยชน และประเด็นอื่นๆ เป็นข้ออ้างในการเข้าแทรกแซงกิจการภายในของจีน
กระนั้น ความสัมพันธ์สองมหาอำนาจยังคงมีส่วนที่ตึงเครียด โดยเฉพาะจากเหตุการณ์ที่จีนส่งเครื่องบินรบเรือนร้อยลำเข้าสู่เขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศของไต้หวัน ต่อเนื่องกันมาหลายวัน
โดยในวันพุธ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า ปักกิ่งกำลังบ่อนทำลายเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาคด้วยการกระทำที่ยั่วยุ และเรียกร้องให้จีนยุติการกดดันทางทหาร การทูต และเศรษฐกิจ รวมทั้งการคุกคามโดยตรงกับไต้หวัน
(ที่มา: รอยเตอร์, เอพี)