นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น แห่งนิวซีแลนด์ ยอมรับในวันจันทร์ (4 ต.ค.) ว่ายุทธศาสตร์ “ทำโควิดให้เป็นศูนย์” (Covid Zero) ของแดนกีวีที่ได้รับการยกย่องไปทั่วนั้นไม่สามารถยับยั้งการระบาดของโควิด-19 ในเมืองออกแลนด์ได้ และจำเป็นที่จะต้องปรับใช้นโยบายใหม่
มาตรการต่อสู้โควิดที่มุ่งทำให้ยอดติดเชื้อเป็นศูนย์และการควบคุมพรมแดนอย่างเข้มงวดช่วยให้นิวซีแลนด์รอดพ้นจากสถานการณ์การระบาดที่รุนแรง และประชาชนยังคงสามารถใช้ชีวิตได้เกือบจะเป็นปกติ
อย่างไรก็ตาม การระบาดของโควิด-19 ที่ออกแลนด์ในช่วงเดือน ส.ค. ทำให้ภาครัฐต้องหวนใช้มาตรการล็อกดาวน์มานานถึง 7 สัปดาห์ และถึงกระนั้นก็ยังไม่สามารถทำให้ยอดติดเชื้อลดลงได้
อาร์เดิร์น ยอมรับว่า โควิด-19 สายพันธุ์เดลตาไม่สามารถที่จะกำจัดให้หมดไปได้ง่ายๆ และถือเป็น “จุดเปลี่ยนเกม” สำหรับนิวซีแลนด์
“แม้จะนำมาตรการคุมเข้มต่างๆ มาใช้เป็นเวลานานแล้ว แต่เรายังไม่สามารถลดตัวเลขผู้ติดเชื้อลงเป็นศูนย์ได้” เธอกล่าว
ทั้งนี้ รัฐบาลนิวซีแลนด์มีแผนจะทยอยผ่อนคลายการล็อกดาวน์ในเมืองออกแลนด์ แม้ยอดติดเชื้อรายวันจะยังไม่ลดลงก็ตาม โดยสาเหตุหนึ่งที่ อาร์เดิร์น ตัดสินใจใช้นโยบายใหม่เนื่องจากอัตราการฉีดวัคซีนในประเทศเพิ่มสูงขึ้นมาก
“การกำจัดไวรัสให้หมดไปเคยเป็นสิ่งสำคัญในช่วงที่เรายังไม่มีวัคซีน แต่วันนี้เรามีแล้ว ดังนั้น เราจึงสามารถปรับเปลี่ยนแนวทางในการทำสิ่งต่างๆ ได้” อาร์เดิร์น ให้สัมภาษณ์
ประชาชน 1.7 ล้านคนในออกแลนด์จะสามารถรวมตัวนอกสถานที่ได้ไม่เกิน 10 คนตั้งแต่วันพุธ (6) และรัฐบาลจะพิจารณาเรื่องการเปิดโรงเรียนและห้างร้านต่างๆ ในสัปดาห์ต่อๆ ไป
สำหรับพื้นที่อื่นๆ ของนิวซีแลนด์นั้นเริ่มปลดล็อกมาตรการคุมเข้มไปตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย
ก่อนจะเกิดการระบาดที่ออกแลนด์ ยุทธศาสตร์โควิดเป็นศูนย์ของ อาร์เดิร์น ทำให้นิวซีแลนด์มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพียง 27 รายจากประชากรทั้งหมด 5 ล้านคน และทำให้รัฐบาลของเธอได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลามทั้งจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และนานาชาติ
ที่มา : เอเอฟพี