เอกวาดอร์พยายามฟื้นคืนความสงบเรียบร้อยในคุกใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของตนเมื่อวันพฤหัสบดี (30 ก.ย.) ภายหลังเกิดเหตุจลาจลซึ่งทำให้นักโทษถูกสังหารไปอย่างน้อย 116 คน ในความรุนแรงล่าสุดที่พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบระบุว่าเกี่ยวข้องกับแก๊งระดับอินเตอร์ฯ ซึ่งกำลังแย่งชิงกันควบคุมเส้นทางลำเลียงยาเสพติด
สำนักงานตำรวจแห่งชาติแถลงว่า ได้ส่งตำรวจ 400 คนไปยังเรือนจำ เพนิเตนเซียเรีย เดล ลิโตรัล (Penitenciaria del Litoral) ที่จังหวัดกวายัส เพื่อเข้าควบคุมสถานการณ์ ภายหลังเกิดเหตุการณ์รุนแรงในคุกซึ่งทำให้มีคนบาดเจ็บล้มตายสูงที่สุดในประวัตศาสตร์ของชาติอเมริกาใต้รายนี้
เหตุทะเลาะวิวาทระหว่างแก๊งคู่อริซึ่งเกิดขึ้นภายในคุกใหญ่ ที่อยู่นอกเมืองกัวยากิล แห่งนี่ เมื่อคืนวันอังคาร (28) นอกจากมีนักโทษถูฆ่าไปมากกว่าร้อยคนแล้ว ยังมีนักโทษบาดเจ็บอีกไม่ต่ำ 80 คน
ด้านสำนักงานอัยการเอกวาดอร์ยืนยันวันพุธ (29) ว่า มีนักโทษ 6 คนในเรือนจำขนาดใหญ่แห่งนี้ ถูก “ฆ่าตัดหัว”
รายงานข่าวระบุว่า พวกนักโทษเข้าทำสงครามกันโดยมีทั้งปืนและระเบิดมือเป็นอาวุธ ทั้งนี้เชื่อกันว่าศึกคราวนี้เป็นการปะทะกันระหว่างแก๊งคู่อริในท้องถิ่นซึ่งต่างมีความเชื่อมโยงกับพวกแก๊งยาเสพติดเม็กซิโก โดยที่สำคัญคือระหว่างแก๊งซินาลัว และแก๊งฮาลิสโค นิวเจนเนอเรชั่น เข้าใจกันว่าน่าจะเป็นการต่อสู้เพื่อควบคุมการค้ายาเสพติดในเอกวาดอร์
“น่าเสียใจที่พวกแก๊งอาชญากรพยายามเปลี่ยนเรือนจำให้กลายเป็นสนามต่อสู้เพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่ง” ประธานาธิบดี กิเยร์โม ลัสโซ ให้สัมภาณ์สื่อเมื่อวันพุธ ที่เมืองกัวยากิล ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดมีประชากรหนาแน่นที่สุด รวมทั้งเป็นเมืองท่าแห่งสำคัญที่สุดของเอวาดอร์
เหตุจลาจลคราวนี้นับว่ารุนแรงที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในระบบเรือนจำของเอกวาดอร์ โดยก่อนหน้านี้ก็มีเหตุนักโทษยกพวกตีกันในเรือนจำเมื่อเดือน ก.พ. และ ก.ค. จนทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 79 คน และ 22 คนตามลำดับ ทั้งนี้รายงานข่าวหลายกระแสระบุว่า เหตุรุนแรง 2 ครั้งก่อนดังกล่าวก็เป็นการทำศึกระหว่างแก๊งค้ายาเสพติดเช่นกัน
ในวันพุธ มีกองทหารและยานยนต์หุ้มเกราะหลายคัน รักษาการณ์อยู่ด้านนอกของเรือนจำเพนิเตนเซียเรีย เดล ลิโตรัล ขณะที่ตำรวจซึ่งขี่ม้าออกตรวจตรารอบๆ บริเวณ และเผชิญหน้ากับญาติๆ ของพวกนักโทษ
ทั้งนี้ ญาติของนักโทษหลายสิบคนเดินทางไปที่เรือนจำเพื่อสอบถามข่าวคราวบุตรหลานของตนเอง พร้อมกับเรียกร้องความรับผิดชอบจากเจ้าหน้าที่ซึ่งดูแลความปลอดภัยเรือนจำ
ประธานาธิบดี ลัสโซ ยืนยันว่าได้มีการเสริมกำลังทหารบริเวณพื้นที่ด้านนอกเรือนจำแล้ว และรัฐบาลพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือเยียวยาเต็มที่แก่ครอบครัวของนักโทษที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ประธานาธิบดีผู้นี้ได้แจ้งผ่านทวิตเตอร์ว่า เขากำลังประกาศใช้ “ภาวะยกเว้น” (state of exception) ซึ่งจะเปิดทางให้ประธานาธิบดีสามารถระงับสิทธิ์ต่างๆ และใช้กองกำลังสาธารณะเพื่อฟื้นฟูความสงบเรียบร้อย
ส่วนหนึ่งของสงครามระหว่างแก๊งยาเสพติดระดับอินเตอร์
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตำรวจสามารถยึดปืนพก 2 กระบอก ปืนลูกโม่ 1 กระบอก กระสุนราว 500 นัด ระเบิดมือ 1 ลูก มีดจำนวนมาก ดินระเบิดไดนาไมต์ 2 แท่ง และระเบิดทำเองอีกจำนวนหนึ่ง จากเรือนจำแห่งหนึ่งของเมืองกัวยากิล
ย้อนหลังไปเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน เรือนจำหมายเลข 4 ของกัวยากิล ถูกโจมตีด้วยโดรนหลายลำ โดยเป็นส่วนหนึ่งของ “สงครามระหว่างพวกแก๊งยาเสพติดระดับอินเตอร์” พวกเจ้าหน้าที่เรือนจำระบุในตอนนั้น ทว่าไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตายจากการโจมตีคราวนั้น
ด้าน เฟร์นันโด การ์ริโอน ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงของเอกวาดอร์ บอกกับเอเอฟพีว่า เรือนจำเอกวาดอร์ตกอยู่ในภาวะวิกฤตมาตั้งแต่ปี 2010 แล้ว โดยเกิดเหตุฆ่ากันตายเฉลี่ยปีละ 25 ราย แต่มาเร่งตัวสูงขึ้นมากตั้งแต่ปี 2017 และขึ้นถึงจุดสูงสุดในปีนี้
ระบบเรือนจำของเอกวาดอร์มีสถานที่คุมขังรวม 65 แห่งที่ออกแบบสำหรับใช้รับนักโทษราว 30,000 คน ทว่าปัจจุบันต้องรับนักโทษราว 39,000 คน ขณะที่ประสบปัญหาขาดแคลนเจ้าหน้าที่เรือนจำอย่างยืดเยื้อเรื้อรัง
สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินของประเทศรายงานว่า ในปี 2020 มีเหตุฆ่ากันตายในเรือนจำ 103 ราย โดยที่การทุจริตคอร์รัปชั่นทำให้พวกนักโทษสามารถนำเอาอาวุธและเครื่องกระสุนเข้าไปในคุกได้
เอกวาดอร์ตั้งอยู่ระหว่างโคลอมเบียกับเปรู ซึ่งเป็นชาติผู้ผลิตโคเคนชั้นนำของโลก และเอกวาดอร์ก็กลายเป็นเส้นทางผ่านสำคัญสำหรับการขนส่งยาเสพติดชนิดนี้ไปยังสหรัฐฯและยุโรป
ระหว่างเดือนมกราคมถึงสิงหาคมปีนี้ ทางการเอกวาดอร์สามารถยึดยาเสพติดได้ราว 116 ตัน ส่วนใหญ่เป็นโคเคน เปรียบเทียบกับที่ยึดได้ 128 ตันในตลอดทั้งปี 2020
คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งทวีปอเมริกา (IACHR) เคยออกมาประณามความรุนแรงในลักษณะนี้ ขณะที่ฮิวแมนไรต์วอตช์เรียกร้องให้รัฐบาลเอกวาดอร์เร่งสอบสวนเหตุจลาจลในคุก เพื่อหาตัวคนผิดมาลงโทษ
(รอยเตอร์, เอเอฟพี)