โสมแดงยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ไปตกในทะเลนอกชายฝั่งด้านตะวันออกของตนในวันอังคาร (28 ก.ย.) ขณะที่ประกาศยืนยันมีสิทธิ์ชอบธรรมในการทดสอบอาวุธ พร้อมเรียกร้องอเมริกาและเกาหลีใต้เลิกใช้ “สองมาตรฐาน” และยุตินโยบายอันเป็นปรปักษ์เพื่อฟื้นการเจรจาที่หยุดชะงักมานาน
สำนักงานคณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ระบุว่า ขีปนาวุธดังกล่าวยิงจากจังหวัดจากัง ทางภาคเหนือของเกาหลีเหนือเมื่อเวลา 6.40 น. วันอังคาร ขณะที่กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นแถลงว่า ขีปนาวุธดังกล่าวน่าจะเป็นขีปนาวุธทิ้งตัว (ballistic missile)
การทดสอบครั้งล่าสุดนี้ตอกย้ำพัฒนาการอย่างต่อเนื่องของระบบอาวุธของเกาหลีเหนือ และเพิ่มเดิมพันในการเจรจาระหว่างสหรัฐฯกับโสมแดง เพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธบนคาบสมุทรเกาหลีแลกเปลี่ยนกับการผ่อนคลายมาตรการแซงก์ชันโสมแดงของอเมริกา ซึ่งประสบภาวะชะงักมาตั้งแต่ปี 2019
ทั้งนี้เฉพาะในรอบเดือนกันยายนนี้ เปียงยางทดสอบขีปนาวุธมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธร่อน (cruise missile) พิสัยไกล และการทดสอบก่อนหน้านี้ที่กองทัพเกาหลีใต้ระบุว่า เป็นขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยใกล้ เช่นกัน ขณะเดียวกัน ทางการโซลเองก็ประสบความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธทิ้งตัวแบบยิงจากเรือดำน้ำ (เอสแอลบีเอ็ม) เป็นครั้งแรก และถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงนี้
บู เซิงชาน โฆษกกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้แถลงแสดงความเสียใจที่เปียงยางทดสอบขีปนาวุธขณะที่เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญในการสร้างเสถียรภาพบนคาบสมุทรเกาหลี
ด้านกองบัญชาการทหารภาคอินโด-แปซิฟิกของอเมริกา ระบุว่า เหตุการณ์นี้ตอกย้ำผลกระทบที่บ่อนทำลายเสถียรภาพจากโครงการอาวุธผิดกฎหมายของโสมแดง ส่วนกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประณามว่า เป็นการคุกคามเพื่อนบ้านและประชาคมโลก รวมทั้งละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
กระนั้น คิม ซัง เอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำยูเอ็น แถลงหลังการทดสอบขีปนาวุธในวันอังคารไม่นานว่า เกาหลีเหนือมีสิทธิ์ป้องกันตัวเองและทดสอบอาวุธ และสำทับว่า หากอเมริกายุตินโยบายอันเป็นปรปักษ์กับเปียงยางและการใช้สองมาตรฐานแล้ว เกาหลีเหลือพร้อมตอบรับข้อเสนอฟื้นการเจรจาทุกเมื่อ
คิมยังพาดพิงถึงข้อเรียกร้องของประธานาธิบดีมุน แจอินของเกาหลีใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งต้องการให้มีการประกาศยุติสงครามเกาหลีปี 1950-1953 อย่างเป็นทางการ โดยบอกว่าจะทำเช่นนี้ได้ เมื่อวอชิงตันต้องเลิกซ้อมรบกับโซลเป็นการถาวรและถอนอาวุธทางยุทธศาสตร์ทั้งหมดออกจากคาบสมุทรเกาหลีและบริเวณโดยรอบ
ปัจจุบัน อเมริกานอกจากมีทหารประจำการในเกาหลีใต้ 28,500 นายแล้ว ยังมีระบบอาวุธล้ำสมัยมากมาย อาทิ เครื่องบินทิ้งระเบิดนิวเคลียร์และเครื่องบินขับไล่ในเกาหลีใต้ กวม และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามป้องปรามทั้งเกาหลีเหนือและจีน
ก่อนหน้านี้เปียงยางยังวิจารณ์โซลและวอชิงตันว่า ประณามโครงการอาวุธของตนทั้งที่ทั้งสองประเทศยังเดินหน้ากิจกรรมทางทหารในลักษณะเดียวกัน
ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ คิม โยจอง น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของคิม จองอึน ผู้นำโสมแดง กล่าวว่า เกาหลีเหนือยินดีปรับปรุงความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้ และพิจารณาเรื่องให้มีการประชุมสุดยอดครั้งใหม่ระหว่างสองเกาหลี หากโซลเลิกพฤติกรรมสองมาตรฐานและนโยบายที่เป็นปรปักษ์กับเปียงยาง
ชิน โบมชุล นักวิชาการอาวุโสของสถาบันวิจัยเกาหลีเพื่อยุทธศาสตร์แห่งชาติในกรุงโซล บอกว่า สิ่งที่คิมเรียกร้องนั้น เงื่อนไขสำคัญเลยก็คือให้ยอมรับว่า เกาหลีเหนือเป็นประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์
ขณะเดียวกัน ยาง มูจิน ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยเพื่อการศึกษาเกาหลีเหนือ มองว่า การทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดเป็นการลองเชิงว่า โซลจริงใจหรือไม่กับการเรียกร้องปรับปรุงความสัมพันธ์และยุติสงครามถาวร โดยเปียงยางจะจับตาและศึกษาปฏิกิริยาของมุนต่อการทดสอบขีปนาวุธ และตัดสินใจว่า จะทำอย่างไรต่อไป เช่น การฟื้นการติดต่อสายด่วนสองเกาหลี
(ที่มา: เอเอฟพี, เอพี, รอยเตอร์)