xs
xsm
sm
md
lg

ไต้หวันสมัครเข้า CPTPP เป็นทางการแล้ว “จีน” ข่มขู่สั่งฝูงเครื่องบินรบ 24 ลำ รวม 2 บินทิ้งระเบิดสมรรถนะติดหัวรบนิวเคลียร์ บินล้ำเข้าน่านฟ้ารอบใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเจนซีส์ - วานนี้ (23 ก.ย.) ไต้หวันส่งใบสมัครเข้าร่วมการค้าเสรี CPTPP เกิดขึ้นในวันเดียวกันกับที่กองทัพจีนส่งเครื่องบิบรบ 24 ลำเข้าน่านฟ้าเขต ADIZ โซน เป็นการล้ำครั้งใหญ่สุดในรอบหลายสัปดาห์

เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้ (24 ก.ย.) ว่า จีนซึ่งสมัครเข้าเขตร่วมการค้าเสรี CPTPP เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาออกมาส่งเสียงคัดค้านไต้หวันในการยื่นเรื่องเพื่อขอสมัครเข้าร่วมกับ CPTPP เช่นเดียวกัน

โดยไต้หวันที่ถูกจีนล็อบบี้มาเป็นเวลาหลายปีในการเข้าร่วมได้ประกาศในวันพฤหัสบดี (23) ไทเปได้ส่งใบสมัครเข้าร่วมเขตการค้าเสรี CPTPP อย่างเป็นทางการ ซึ่ง CPTPP แต่เดิมในปี 2018 มี 11 ชาติสมาชิกลงนามเข้าร่วมอย่างเป็นทางการและยังถือเป็นเขตการค้าที่ใหญ่ที่สุด คิดเป็น 13.5% ของเศรษฐกิจโลก

โฆษกรัฐมนตรีไทเป โล ปิง-เชิง (Lo Ping-cheng) แถลงว่า “ไต้หวันไม่สามารถถูกตัดออกไปจากโลกนี้และจำเป็นต้องถูกรวมเข้าไปยังเศรษฐกิจภูมิภาค”

และรอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมในวันศุกร์ (24) ว่า กระทรวงต่างประเทศไต้หวันออกมาโจมตีจีนอีกครั้งโดยชี้ว่า จีนถือเป็น “ศัตรูสำคัญ” ที่มุ่งหมายจะรังแกไต้หวันและไม่มีสิทธิที่จะต่อต้านหรือแสดงความเห็นต่อการขอเข้าร่วมการค้าเสรี CPTPP ของไต้หวัน

ทั้งนี้ กระทรวงต่างประเทศจีนออกมาต่อต้านการที่ไทเปจะลงนามเข้าร่วมสนธิสัญญาทางการหรือองค์การใดๆ ก็ตาม นอกจากนี้เมื่อคืนดึกวานนี้ (23) สำนักงานกิจการไต้หวันของจีนออกแถลงการณ์กล่าวว่า การที่ปักกิ่งเข้าร่วมเขตการค้าเสรี CPTPP จะเป็นประโยชน์ต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกหลังวิกฤตโรคโควิด-19 ระบาด และชี้ว่า จีนต่อต้านไต้หวันในการใช้การค้าเพื่อผลักดันการมีเวทีนานาชาติของตัวเองหรือเกี่ยวข้องในความเคลื่อนไหวเพื่อเป็นเอกราช

“เราหวังว่าประเทศที่เกี่ยวข้องจะจัดการปัญหาไต้หวันอย่างเหมาะและไม่ให้การสนับสนุนหรือเวทีสำหรับความเคลื่อนไหวเพื่อการเป็นเอกราชของไต้หวัน”

อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ตอบโต้จากกระทรวงต่างประเทศไต้หวันในคืนเดียวกัน ชี้ว่า “จีนไม่มีสิทธิแสดงความเห็นถึงการสมัครเข้าร่วมของไต้หวัน” และจีนยังถือเป็น “ศัตรูสำคัญ” ที่มุ่งหมายจะรังแกไต้หวัน

หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานเพิ่มเติมว่า ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจไต้หวัน Chen Chern-chyi แถลงในวันพุธ (22) ว่า ไทเปได้ยื่นใบสมัครเข้าร่วมการค้าเสรี CPTPP หรือ Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-Pacific Partnership คือ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก อย่างเป็นทางการและใบสมัครถูกส่งไปยังนิวซีแลนด์ซึ่งทำหน้าที่เป็นชาติผู้ดูแลสนธิสัญญา และทางนิวซีแลนด์จะส่งใบสมัครของไต้หวันไปยังชาติสมาชิกอื่นๆ ต่อไป

ขณะที่ญี่ปุ่นซึ่งเป็นประธานของการค้าเสรี CPTPP ในปีนี้ประกาศที่จะหารือกับชาติสมาชิกอื่นตามคำร้องขอของจีนสำหรับการเข้าร่วมเขตการค้าเสรีแต่ไม่เปิดเผยในเรื่องเวลา

หนังสือพิมพ์ฮ่องกงรายงานว่า ทั้งนี้ไต้หวันมีข้อตกลงการค้าระดับทวิภาคกับนิวซีแลนด์และสิงคโปร์

และในวันพฤหัสบดี (23) ไทเปยังออกมาเปิดเผยว่า จีนได้ส่งเครื่องบินรบบุกรุกน่านฟ้าของตัวเองใหญ่ที่สุดในรอบหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ไต้หวันชี้ว่า เครื่องบินรบกองทัพจีน 24 ลำ ซึ่งรวมไปถึงเครื่องบินขับไล่ 18 ลำ และเครื่องบินทิ้งระเบิดสมรรถนะติดหัวรบนิวเคลียร์อีก 2 ลำบินล้ำเข้ามาในเขตปกป้องตัวเองทางอากาศ ADIZ โซนของไต้หวัน

โดยแผนที่ซึ่งแสดงโดยกระทรวงกลาโหมไต้หวันพบว่ามีเครื่องบินรบจีนจำนวนหนึ่ง รวมไปถึงเครื่องบินทิ้งระเบิดจีน H-6 ที่บินไปทั่วทางใต้ของไต้หวันก่อนที่จะบินกลับไปทางตะวันออก

กระทรวงกลาโหมไต้หวันกล่าวว่า มีการตอบโต้ด้วยการติดต่อสื่อสารทางวิทยุเตือนและได้สั่งให้ระบบต่อต้านมิสไซล์ทางอากาศเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวทุกระยะ

อย่างไรก็ตาม เหมือนอย่างทุกครั้งที่การบินยั่วยุของกองทัพปักกิ่งไม่ได้ล้ำเขตอธิปไตยไต้หวันซึ่งครอบคลุม 12 ไมล์ทะเลจากชายฝั่ง

ทั้งนี้ ก่อนหน้าการล้ำน่านฟ้าไตหวันในวันพฤหัสบดี (24) พบว่าปักกิ่งส่งเครื่องบินรบบุกเข้าน่านฟ้าไต้หวัน 2 ครั้งในวันพุธ (23) 1 ครั้งในวันจันทร์ (20) 4 ครั้งวันอาทิตย์ (19) และอีก 10 ครั้งในวันศุกร์ (17) อ้างอิงจากกระทรวงกลาโหมไต้หวัน

นักวิเคราะห์ต่างออกมาชี้ว่า การส่งเครื่องบินกองทัพจีนบุกเข้าน่านฟ้าไต้หวันเกิดขึ้นหลายจุดประสงค์สำหรับจีน ทั้งต้องการแสดงให้ประชาชนไต้หวันเห็นถึงความแข็งแกร่งของกองทัพจีน ขณะเดียวกัน ต้องการสนับสนุนด้านทักษะและการข่าวกรองของกองทัพจีนในกรณีที่เกิดความขัดแย้งเกี่ยวข้องกับไต้หวัน

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิงออกมาปฏิเสธที่ไม่ตัดตัวเลือกการใช้กำลังทหารเพื่อนำไต้หวันกลับคืนมาหากจำเป็น CNN รายงาน


กำลังโหลดความคิดเห็น