xs
xsm
sm
md
lg

เกาหลีเหนือออกมาปัดทันควัน หลัง “เกาหลีใต้” เล็งผลักดันยุติ “ยุติสงครามระหว่าง 2 ชาติเกาหลี” เป็นทางการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอพี/รอยเตอร์ - เกาหลีเหนือวันนี้ (24 ก.ย.) ออกตอบโต้เกาหลีใต้ที่ออกมาเรียกร้องให้มีการแถลงยุติสงครามเกาหลีที่เกิดขึ้นระหว่างปี 1950-1953 โดยชี้ว่า อาจเป็นแค่การทำเพื่อกลบเกลื่อนนโยบายที่ไม่เป็นมิตรของสหรัฐฯ ต่อเปียงยาง

เอพีรายงานวันนี้ (24 ก.ย.) ว่า ในแถลงการณ์ต่อหน้าผู้นำทั่วโลกที่การประชุมใหญ่องค์การสหประชาชาติเมื่อต้นสัปดาห์เมื่อวันอังคาร (21) นี้พบว่า ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ มุน แจ-อิน ประกาศย้ำอีกครั้งถึงการเรียกร้องของเขาที่ต้องการให้มีการแถลงยุติสงครามเกาหลีอย่างเป็นทางการ โดยชี้ว่า เพื่อช่วยนำไปสู่การปลอดอาวุธนิวเคลียร์และนำสันติภาพถาวรมาสู่คาบสมุทรเกาหลี

ทั้งนี้ สงครามเกาหลีเกิดขึ้นระหว่างปี 1950-1953 และทั้งสองชาติในทางปฏิบัติทำสัญญาสงบศึกชั่วคราวมากกว่าลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพถาวร

โดยในรายงานของสำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนือที่รายงานคำแถลงของรี แต ซอง (Ri Thae Song) ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือในวันศุกร์ (24) ออกมาปัดโดยมีใจความว่า

“มันสมควรเป็นความเข้าใจอย่างชัดเจนว่าการแถลงประกาศยุติสงครามมันไม่ช่วยอย่างสิ้นเชิงต่อการมีเสถียรภาพของภูมิภาคคาบสมุทรเกาหลีในเวลานี้ แต่มันสามารถถูกใช้อย่างผิดๆ เพื่อกลบเกลื่อนต่อนโยบายที่ไม่เป็นมิตรของสหรัฐฯ ก็เท่านั้น”

และรี ยังชี้ไปถึงอาวุธยุทโธปกรณ์และการประจำการของทหารสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้และการฝึกซ้อมอย่างเป็นระยะของกองกำลังสหรัฐฯ ภายในภูมิภาค “ทุกสิ่งนั้นชี้ไปถึงนโยบายที่เป็นปฏิปักษ์ของสหรัฐฯ (เกาหลีเหนือ) ต่อวันและคืนที่มุ่งร้าย” และเปียงยางยังตอกประเด็นไปถึงการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือที่ยาวนานภายใต้การนำของสหรัฐฯ นั้นเป็นข้อพิสูจน์ได้ดีถึงการเป็นปปักษ์ของสหรัฐฯ ต่อเกาหลีเหนือ

ทั้งนี้ กระทรวงรวมชาติเกาหลีใต้ออกมาตอบโต้ภายหลังในวันนี้ (24) ยืนยันว่า ทางโซลจะยังคงเพียรพยายามต่อไปที่จะทำให้เกิดการแถลงยุติสงครามเกาหลีอย่างเป็นทางการและทำให้ความร่วมมือระหว่างชาติที่เกี่ยวข้องมีความแข็งแกร่ง ชา ดุค ชูล (Cha Duck Chul) ผู้ช่วยโฆษกรัฐมนตรีกล่าว พร้อมยืนยันว่า การประกาศยุติสงครามถือเป็นก้าวที่สำคัญจากการที่จะเป็นก้าวย่างในการเริ่มต้นสำหรับการเจรจาสันติภาพและการปลอดอาวุธนิวเคลียร์และการมีสันติภาพที่ยั่งยืน

รอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมว่า รียังกล่าวอีกว่า “ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงตราบเท่าที่สถานการณ์ทางการเมืองรอบเกาหลีเหนือยังคงไม่เปลี่ยนแปลงและนโยบายที่ไม่เป็นมิตรของสหรัฐฯ ยังไม่เปลี่ยนทิศทางถึงแม้ว่าจะประกาศยุติสงครามกว่าร้อยครั้งก็ตาม”

KCNA ยังรายงานอีกว่า รีระบุว่า “การถอนความเป็นสองมาตรฐานและนโยบายที่ไม่เป็นมิตรของสหรัฐฯ ถือเป็นก้าวที่นำไปสู่เสถียรภาพของสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีเหนืออันเป็นหลักประกันต่อสันติภาพ”

แต่อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดดีมุนกล่าวในวันศุกร์ (24) ว่า เขาเชื่อมั่นว่า ในท้ายที่สุดเปียงยางจะสามารถตระหนักได้ถึงผลประโยชน์ของตัวเองในการเข้าสู่การเจรจากับสหรัฐฯ แต่ไม่มั่นใจว่าจะสามารถเกิดขึ้นได้ทันภายในสมัยการดำรงตำแหน่งของเขาหรือไม่ซึ่งจะหมดลงในปี 2022

“ดูเหมือนว่าทางเกาหลีเหนือยังคงอยู่ระหว่างการตัดสินใจในทางเลือก ขณะเดียวกัน ได้แง้มประตูสำหรับการเจรจา เป็นเพราะพวกเขาตระหนักว่าการสร้างความตึงเครียดในระดับต่ำนั้นเพียงพอสำหรับสหรัฐฯ ที่จะไม่ทำการยกเลิกการติดต่อทั้งหมด” มุนให้สัมภาษณ์กับนักข่าวระหว่างอยู่บนเครื่องบินประจำตำแหน่งกลับเกาหลีใต้หลังจากเสร็จสิ้นการร่วมประชุมใหญ่องค์การสหประชาชาติ

ทั้งนี้ ที่การประชุมใหญ่ยูเอ็นในวันอังคาร (21) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน แถลงว่า สหรัฐฯต้องการการทูตอย่างยั่งยืนเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตโครงการขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ


กำลังโหลดความคิดเห็น