xs
xsm
sm
md
lg

ธุรกิจสร้างอินฟลูเอนเซอร์สัตว์เลี้ยงโตแรงในตลาดออนไลน์สิงคโปร์ เพราะน้อนๆ จูงใจผู้คนได้อย่างง่ายดาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ซัสช่า กับ ไปป์เปอร์ สองน้อนหมาเวสต์ ไฮแลนด์ ไวท์ เทอร์เรีย ระดับเซเลบของสิงคโปร์ เป็นสัตว์เลี้ยงผู้ทรงอิทธิพล (Pet Influencers) ต่อการซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ มีผู้คนหลงใหลรักใคร่ในความจิ้มลิ้มน่ากอดของพวกเขากันอย่างมากมาย โดยมีแฟนคลับติดตามอินสตาแกรม แอคเคาน์ Lomodoggies สูงถึง 24,400 ราย ส่งผลให้งานโฆษณาหลั่งไหลเข้าไปมากมาย สามารถทำรายได้ให้แก่มามี้แคร์รี่ เอ้อร์ รวมหลายแสนบาทแล้ว
ซัสช่า กับ ไปป์เปอร์ สองน้อนหมาหน้าตาหมดจดเปี่ยมแววเฉลียวฉลาด ขนปุกปุยขาวสะอ้าน ในชุดผ้าพันคอเก๋ไก๋ หายใจหอบเบาๆ พลางลุ้นเมื่อไรจะได้หม่ำขนมรางวัลที่มามี้ชูขึ้นแกว่งไปมาสุดแสนจะล่อใจ ขนมรางวัลที่หอมหวานรัญจวน ไม่ใช่จะล่วงเข้าปากง่ายๆ เพราะมามี้ต้องได้ภาพถ่ายที่ถูกใจก่อน จึงจะวางกล้องโทรศัพท์มือถือ แล้วมาป้อนขนมรางวัลให้อร่อยกัน

ในแต่ละวัน มามี้จะถ่ายภาพลูกน้อยขนฟูทั้งสอง ไปกำนัลแก่แฟนคลับสองหมื่นกว่ารายบนอินสตาแกรม แอคเคาน์ ชื่อว่า Lomodoggies เพื่อที่ทุกคนจะได้อิ่มเอมกับรูปแป๋วๆ แหววๆ และถ้อยคำดีๆ

ขณะที่หนุ่มเหน้าสาวสวยคู่นี้เป็นน้อนหมาเวสต์ ไฮแลนด์ ไวท์ เทอร์เรียระดับเซเลบของสิงคโปร์ มีผู้คนหลงใหลรักใคร่ในความจิ้มลิ้มน่ากอดของพวกเขากันอย่างมากมายนั้น ซัสช่า กับ ไปป์เปอร์ ยังเป็นสุดยอด “อินฟลูเอ็นเซอร์สัตว์เลี้ยง” ซึ่งก็คือสัตว์เลี้ยงผู้ทรงอิทธิพลต่อการจูงใจให้ผู้บริโภคอยากซื้อของที่พวกเขาเชียร์อยู่บนโซเชียลมีเดียนั่นเอง

ที่ผ่านมา น้อนเวสตี้ทั้งสองได้แสดงโฆษณาสินค้าสารพัดสิ่ง ตั้งแต่เครื่องดูดฝุ่นที่เก็บกวาดขนน้อนหมาได้เรียบกริ๊บ ขนมและอาหารที่น้อนหม่ำๆๆ ด้วยท่าทางอร่อยลืมโลก ไปจนถึงรองเท้าที่ยั่งยืนเคียงคู่เขี้ยวน้อน

แต่สิงคโปร์ก็ยังมีสัตว์เลี้ยงผู้ทรงอิทธิพล ซึ่งทั้งแสนรู้ ทั้งน่ากอด โลดแล่นในโลกโซเชียลมีเดียอีกนับไม่ถ้วน เพราะประเทศมหาเศรษฐีโลกแห่งนี้มีธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ที่เติบโตมโหฬารและแข่งขันดุเดือด เป็นตัวโหมกระพือ เอเอฟพีรายงานอย่างนั้น

ซัสช่าและไปป์เปอร์ได้รับการเลี้ยงดูอุ้มชูอย่างดีเยี่ยม มามี้ปรุงอาหารให้ทานด้วยตนเอง เมื่อเร็วๆ นี้ ซัสช่ามีเนื้องอก และได้รับการผ่าตัด อาการดีขึ้นแล้ว แฟนคลับบบอินสตาแกรมเขียนอวยพรให้กำลังใจกันล้นหลาม  ทั้งนี้ มามี้จะคอยเขียนเล่าอาการให้แฟนคลับของลูกสาวได้ทราบเป็นระยะ ซึ่งส่งผลดีเชิงมาร์เก็ตติ้งที่ยกระดับความผูกพัน ทำให้แฟนๆ รู้สึกว่าน้อนเป็นลูกหลานของพวกเขาทุกคน

มามี้จะแต่งตัวให้ซัสช่าและไปป์เปอร์มีภาพลักษณ์ที่น่ารักน่ากอด ด้วยผ้าพันคอเข้าชุดกันแบบดาราแพ็กคู่ ตัวซ้ายเป็นตัวพี่สาว อายุ 10 ขวบแล้ว มีผ้าพันคอปักอักษร S คือ Sasha-ซัสช่า ส่วนตัวขวาเป็นน้องชาย อายุ 5 ขวบ มีผ้าพันคอปักอักษร P คือ Piper-ไปป์เปอร์ แต่งตัวเสร็จก็ถ่ายภาพไปกำนัลแฟนคลับบนอินสตาแกรม แอคเคาน์ ชื่อว่า Lomodoggies
ธุรกิจสร้างอินฟลูเอนเซอร์สัตว์เลี้ยงเป็นเทรนด์แรง เพราะสินค้าออนไลน์มีมหาศาล และผู้คนหันมาอุ้มชูน้อนๆ เกร่อมาก

แบรนด์สินค้าซึ่งต้องการสัตว์เลี้ยงผู้ทรงอิทธิพล ไปช่วยโฆษณาผลิตภัณฑ์ นับวันแต่จะทวีปริมาณขึ้นอย่างมหาศาล โดยไม่ใช่เพียงแต่จะต้องการจ้างสัตว์เลี้ยงผู้ทรงอิทธิพลเท่านั้น หากยังมีสารพัดแบรนด์ที่ต้องการสัตว์เลี้ยงผู้ทรงอิทธิพลหน้าสดๆ ใหม่ๆ ทั้งแบบสวยหวาน แบบฉอเลาะ ไปจนถึงแบบซื่อใส และจิ้มลิ้มแกมเอ๋อน่าเอ็นดู เพิ่มขึ้นมาตลอดเวลาด้วย

อิทธิพลของอินฟลูเอ็นเซอร์สัตว์เลี้ยง เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยาก

1.เมื่อแบรนด์สินค้าอารมณ์ดีนำน้อนๆ หน้าตาน่ากอดมาช่วยโฆษณา ด้วยเนื้อเรื่องซาบซึ้งจับใจ โฆษณานั้นๆ สามารถประสบความสำเร็จเปรี้ยงปร้างได้ทันที กลายเป็นไวรัลที่ผู้คนและสื่อออนไลน์ปลาบปลื้มชื่นชมในชั่วข้ามคืน อันเป็นกลยุทธ์ Brand Awareness ตอกย้ำให้ลูกค้าคิดถึงและเอ่ยถึงแบรนด์แห่งดวงใจบ่อยครั้งในโมงยามดีๆ ของชีวิต

2. เมื่อแฟนคลับของเจ้าสัตว์เลี้ยงเซเลบ เห็นน้อนๆ ขวัญยี่หวาในคลิปโฆษณาสินค้า ย่อมจะสนใจติดตามชมคลิปจนจบ แถมยังจะดูซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกว่าจะปลื้มเสร็จ ใช่แต่เท่านั้น ยังจะแชร์ไปให้พรรคพวกช่วยกันดู ช่วยกันเม้ามอย กลายเป็นไวรัลอย่างง่ายดาย

โฆษณา “Lost Dog” ของเบียร์บัดไวเซอร์ ปี 2015 ซึ่งเปิดตัวออกอากาศในช่วงการถ่ายทอดสด Super Bowl การแข่งขันอเมริกันฟุตบอลอันยิ่งใหญ่ระดับโลกครั้งที่ 48 โดยเป็นเรื่องราวของเจ้าโกลเด้นแลบแสนน่ารัก พี่ม้าสง่างาม และหนุ่มชาวไร่หน้าตาจริงใจ (ดาราหนุ่มหล่อ ดอน ฌีนส์) แล้วมีเบียร์เย็นฉ่ำแจมเข้าไปนิดหนึ่งตอนท้าย เรื่องราวผจญภัยของน้อนโกลเด้นฯ สร้างความประทับใจขั้นสุดแก่ท่านผู้ชม  ผู้คนทั่วโลกพากันหลงรักน้อนผู้กล้าหาญ ผู้ที่ทำให้โฆษณาเรื่องนี้ถูกจดจำและพูดถึงตลอดมาถึงทุกวันนี้  ส่วนนักการตลาดบอกว่าคนเราถูกชักจูงด้วยน้อนหมาได้อย่างง่ายดาย  อนึ่งในการสร้างภาพยนตร์โฆษณาความยาว 60 วินาทีชุดนี้ ใช้เจ้าโกลเด้นแล้บวัย 11-12 เดือนจำนวนถึง 8 ตัว  ชมจุใจที่นี่  https://www.youtube.com/watch?v=TPKgC8KPBMg
3. พอหลงใหลในเจ้าน่ารักที่แสดงลีลาโฆษณาอย่างเฉลียวฉลาด ผู้คนจะพลอยชื่นชมข้าวของเครื่องกินเครื่องใช้ที่นำเสนอมาพร้อมกับพวกเค้า และตามไปซื้อหามากินมาใช้ด้วย

4. ขนมนมเนย อาหารการหม่ำ ที่น้อนๆ ในโฆษณารับประทานอย่างเอร็ดอร่อย เสื้อผ้า -เครื่องประดับ - เครื่องใช้ - กระเป๋าเคลื่อนย้ายน้อนขึ้นรถไฟฟ้า สวยๆ งามๆ ที่น้อนอินฟลูเอนเซอร์ใช้สอยอยู่ในโฆษณา สามารถจูงใจให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะไปซื้อหามาปรนเปรอลูกน้อยขนฟูที่บ้านบ้าง

5.บางรายที่เงินถุงเงินถัง เห็นยัยน้อนบ้านอื่น สวมเครื่องประดับเพชร นั่งรถลีมูซีนแสนสุข ที่โฆษณาบอกว่า “ของดีที่สุดเท่านั้น จึงจะเหมาะสมกับเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณ” ก็รีบไปถอยมาให้ลูกรักได้มีได้โดนเช่นกัน

โฆษณา “Dog Sandwich” แครกเกอร์สอดไส้เนยพีนัทบัตเตอร์ของ Lance ขนมแบรนด์ดังในสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้เสียงตอบรับล้นหลาม เพราะความน่าเอ็นดูของสองน้อนหมาแสนฉลาด โฆษณา 15 วินาที เปิดตัวด้วยเด็กหญิงนั่งที่บันไดขึ้นชานเรือน มีน้อนหน้าตาซื่อๆ เอ๋อๆ นั่งขนาบซ้าย-ขวา เด็กหญิงผู้สะสวยพูดกับกล้องว่า “พีนัทบัตเตอร์แท้ของแลนซ์ที่ทาไว้ระหว่างแครกเกอร์คือของอร่อยที่สุด” กล่าวเสร็จแล้ว สาวน้อยก็ยกขาขวาขึ้นไขว้ทับขาซ้ายในลีลาเก๋ไก๋ โดยมีเจ้าแสนรู้ทำท่าตามไปพร้อมกันน่ารักน่าเอ็นดูเป็นที่สุด

โฆษณาอาหารสำหรับน้อนขนฟูวัยอนุบาล แบรนด์ Puppy Chow บริษัท Puppyhood นำแสดงโดยเจ้าตัวเล็กหน้าตาฉลาดเป็นกรด ไม่กลัวใคร และพร้อมจะดื้อเกินเบอร์ ขณะที่ผู้เป็นเจ้าของซึ่งไปอุ้มนางมาจากกรงแจกลูกหมาฟรี ก็รัก เมตตา ใจดีต่อนางอย่างที่สุด เพราะหัวใจทั้งดวงต่อติดกับน้อนได้เต็มร้อย ความโดดเด่นของเจ้าตัวเล็กคือ อาการตั้งอกตั้งใจกินอาหารของ Puppy Chow อย่างเอาจริงเอาจัง ทำให้ทึ่งว่าของในชามจิ๋วๆ ใบนี้คงจะอร่อยขั้นสุด ทั้งนี้ แม้การโฆษณาด้วยถุงอาหารติดยี่ห้อใหญ่โตชัดเจน จะดูเหมือนโฉ่งฉ่างไปบ้าง  แต่ความน่ารักของเจ้าตัวเล็กทำให้บรรยากาศของหนังโฆษณาชุดนี้ราบรื่นตลอด 3 นาที ชมเต็มๆ ที่นี่ https://www.youtube.com/watch?v=L3MtFGWRXAA

โฆษณาเมอร์เซเดส เบนซ์ ชุดที่ชื่อว่าน้อนหมาของเมอร์เซเดส เบนซ์ หรือ “dogsofMB”  โดยพาบรรดาน้อนหลายสายพันธุ์ (ซึ่งล้วนแต่น่าเอ็นดู ชวนให้ท่านผู้ชมหัวใจละลาย) ขึ้นนั่งชมวิวพร้อมแววตาเปี่ยมสุขตลอดเวลาที่โดยสารอยู่ในการทดลองขับ โฆษณานี้บอกได้เลยว่าการเคลื่อนตัวของเมอร์เซเดส เบนซ์ เป็นไปอย่างนุ่มนวลมั่นคงมากมายราวใด และโฆษณาปิดท้ายด้วยวรรคทอง-ประโยคเด็ดว่า Best friends deserve the best. เพื่อนสุดรักควรได้รับสิ่งที่ดีที่สุด
แนวโน้มที่สัตว์เลี้ยงน่ารักน่าเอ็นดูหน้าใหม่ๆ แจ่มๆ จะผงาดขึ้นเป็นผู้ทรงอิทธิพลต่อการซื้อขายสินค้าบนอินเทอร์เน็ต จึงทะยานแรงแซงทุกเทรนด์ พร้อมกับทำให้ธุรกิจการสร้างอินฟลูเอ็นเซอร์สัตว์เลี้ยงหน้าใหม่กลายเป็นอุตสาหกรรมที่เติบใหญ่ร้อนแรงภายในสิงคโปร์  ประเทศมหาเศรษฐีที่ผู้คนแห่กันมาเลี้ยงสัตว์น่ารักเป็นเพื่อนบ้าง เป็นลูกบ้าง เพื่อความสุขใจและคลายเหงาในหลายปีที่มีการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

เอเอฟพีชี้ว่า เมื่อมีสัตว์เลี้ยงขึ้นมา มามี้และแดดดี้ในดินแดนลอดช่องก็เป็นกลุ่มชนซึ่งมีรายได้เหลือเฟือเพียงพอที่จะหมดเปลืองไปกับความสุขทางใจได้ โดยจะรักและดูแลสัตว์เลี้ยงในอารมณ์ที่ถือว่าพวกเขาเป็นสมาชิกของครอบครัว

ยิ่งกว่านั้น สังคมสิงคโปร์กำลังทยอยเปลี่ยนชีวทัศน์ สู่การมีสัตว์เลี้ยงแสนรัก ทดแทนการมีบุตร เพราะมองว่าใช้งบประมาณการเลี้ยงดูน้อยกว่ากันมหาศาล แต่ให้ความสุขและอบอุ่นใจประมาณกัน

ซัสช่า-ไปป์เปอร์ทำรายได้ให้มามี้หลายพันดอลลาร์สหรัฐอเมริกา มีบริษัทตัวแทนคอยป้อนงาน

ทุกวันนี้ มีผู้คนหลงใหลรักใคร่เข้าไปติดตามภาพถ่ายและเรื่องราวของแม่สาวซัสช่าและพ่อหนุ่มไปป์เปอร์ ที่แอคเคาน์ Lomodoggies บนอินสตาแกรมกันมากกว่า 24,000 ราย โดยมามี้ของน้อนเวสตี้ จะมีหมวกเท่ ผ้าพันคอเก๋ สายสร้อยไฉไล แว่นตาสุดฮิป พร้อมตุ๊กตามุ้งมิ้ง มาตกแต่งเสริมหล่อเพิ่มสวย ให้ทั้งสองสวมใส่พรักพร้อมแก่การเข้ากล้อง เพื่อจะโชว์ลิ้นสีชมพู ทำตาแป๋วๆ อวดแฟนคลับขณะถูกถ่ายภาพตามสถานที่สวยงามต่างๆ ทั่วสิงคโปร์

ทั้งสาวช่าและหนุ่มไปป์มิใช่จะสวยหล่อเฉิดฉายไปวันๆ หากยังช่วยมามี้ทำรายได้เข้าบ้านมากมาย จากการโฆษณาสารพันสินค้า รวมเป็นเงินหลายพันดอลลาร์สหรัฐอเมริกากันเลยทีเดียว ในการนี้ น้อนมีบริษัทตัวแทนคอยหางานมาป้อน เฉกเช่นซุปต้าร์และซูเปอร์โมเดลทั่วโลก

เสน่ห์แห่งอินสตาแกรม Lomodoggies ของสองน้อนเวสตี้ (พร้อมสหาย) คือการนำเสนอถ้อยคำดีๆ เป็นกำลังใจแก่การใช้ชีวิต พร้อมโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามต่างๆ ของสิงคโปร์ ในภาพนี้บอกว่า “ขอให้ทำให้วันจันทร์เป็นการเริ่มต้นสิ่งที่แสนวิเศษ” พร้อมกับพาแฟนคลับ (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แฟนๆ ต่างชาติ) ไปชม Marina Bay Sands ซึ่งมีเรือยักษ์ทอดกายอยู่บนดาดฟ้าของอาคารแฝดสามหลัง อันเป็นที่ตั้งของโรงแรมราคาแพง มอลล์สวยงาม พิพิธภัณฑ์ศิลปะวิทยาศาสตร์ และสวนลอยฟ้า
บริษัทตัวแทนของช่าและไปป์เป็นบริษัทขนาดใหญ่ในสิงคโปร์ ชื่อว่าเดอะ วูฟ เอเจนซี (The Woof Agency) ซึ่งจับตลาดเซ็กเมนต์ที่ใช้อินฟลูเอ็นเซอร์กลุ่มสัตว์เลี้ยง

เดอะ วูฟ เอเจนซี มีดาราระดับแม่เหล็กทรงพลังหลากหลายตัว เช่น พี่หง่าว นามว่า "บรอสซี เหมียวอิงตัน” (Brossy Meowington – บรอสซี่ ล้อมาจากคำว่า บอสซี่ คือจ้าวนายจอมสั่งนั่นเอง ส่วนเหมียวอิงตัน คือล้อกับนามสกุลดัง Washington พร้อมกับเป็นการสร้างคำแบบที่ละม้ายกับคำว่า เหมียวสกุล พอเรียกได้) โดยพี่เหมียวหง่าวมีผู้ติดตามบนอินสตาแกรมมากกว่า 50,000 ราย คุณเจน เปะฮ์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทเดอะ วูฟ เอเจนซี ให้ข้อมูลแก่เอเอฟพี

มามี้ของซัสช่าและไปป์เปอร์ มีนามว่า แคร์รี เอ้อร์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดวัยสี่สิบกว่าๆ ผู้ถลำเข้าสู่วงการเมื่อหลายปีที่ผ่านมา โดยเริ่มจากการโพสต์ภาพน่ารักในสารพัดอิริยาบถสุดแบ๊วของซัสช่าขึ้นอินสตาแกรม ทั้งแบบที่สวมชุดโน่นนี่  ไปจนถึงแบบที่เพลิดเพลินกับของเล่นน่าเอ็นดูทั้งปวง แล้วขยายไปเป็นภาพถ่ายกลางแจ้งแลเห็นสถานที่งดงามของสิงคโปร์

“เราแค่อยากจะสร้างบล็อกชีวิตรายวันให้ซัสช่าค่ะ โดยจับภาพสวยๆ เช่น ใบหน้างดงามและกิจกรรมน่าเอ็นดู” มามี้เอ้อร์ สตรีหน้าหวานบุคลิกอบอุ่น เล่าถึงความเป็นมาแห่งความโด่งดังของลูกสาว และบอกด้วยว่าหนุ่มน้อยไปป์เปอร์ แต่เดิมเป็นน้อนหมาแสดงโชว์ เมื่อออกจากวงการแล้วจึงตามมาสมทบกับเจ่เจ้ซัสช่า สร้างคอนเซ็ปต์ดาราแพ็คคู่ขวัญใจมหาชน

การณ์ปรากฏว่าอากัปกิริยาฉะอ้อนฉอเลาะทั้งปวงของซัสช่าได้รับความนิยมอย่างกระฮึ่ม มีหลายบริษัททักถามทาบทามมาว่าซัสช่าจะสนใจช่วยเชียร์สินค้าของพวกเขาไหม

มามี้คนสวยของซัสช่าและไปป์เปอร์ นามว่าคุณแคร์รี เอ้อร์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดวัยสี่สิบกว่าๆ น้อนเวสตีทั้งสองต่างมีความสุขกันมากในอ้อมแขนอบอุ่นนุ่มนวลของมามี้ ผู้ที่ทำอาหารเลิศรสให้ทาน อีกทั้งยังปรนเปรอด้วยขนมเลอเลิศ ดังนั้น แม่สาวซัสช่าและพ่อหนุ่มไปป์เปอร์จะให้ความร่วมมืออย่างดีเยี่ยมแก่การถ่ายภาพทั้งในและนอกสถานที่เสมอ

มามี้แคร์รี เพลิดเพลินกับการแต่งตัวเสริมหล่อเพิ่มสวยให้แก่ซัสช่าและไปป์เปอร์ ทั้งผ้าพันคอ หมวก สายสร้อย แว่นตา ฯลฯ เอเอฟพีไม่ได้ถามคุณแคร์รีว่ามีร้านรวงหรือเจ้าของแบรนด์ใดๆ ฝากของสวยงามน่าเอ็นดูเหล่านี้มาให้น้อนๆ ใส่ “Prop” เหล่านี้เข้ากล้องหรือเปล่า อันเป็นกลยุทธ์โฆษณาที่เรียกว่าการวางผลิตภัณฑ์ประกอบฉาก (Product Placement) เพื่อจูงใจให้ท่านผู้ชมได้เห็นได้ปลื้มกับสินค้า และหากพบเจอตามหน้าร้านหรือตามห้างสรรพสินค้า ก็จะดีใจ อยากซื้อไปใช้สอยที่บ้าน
ใครๆ ก็รักน้อน อยากอุดหนุนน้อน และเทรนด์นี้จะอยู่อีกยาว

“สนุกกันมากเลยค่ะ ทั้งลูกๆ และทั้งตัวดิฉันเอง” คุณเอ้อร์กล่าว ขณะยิงภาพลูกน้อยเซเลบทั้งสองศรี

ในกิจกรรมเพลินๆ ที่สร้างความสุขแก่แฟนคลับ 24,000 ราย พร้อมกับแนะนำของทานของใช้คุณภาพดีให้ผู้คนได้รู้จัก ช่าและไปป์ทำเงินให้มามี้ประมาณ 370 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อการโฆษณาแต่ละดีล

คุณเอ้อร์จะจริงจังกับการคัดเลือกสินค้าที่ลูกน้อยขนฟูทั้งสองจะช่วยโปรโมท ถ้าเป็นของที่เธอทราบว่า ดีไม่ถึงมาตรฐานของเธอ เธอจะปฏิเสธ

แต่อาหารที่น้อน ๆ สองแหววรับประทานนั้น คุณเอ้อร์ปรุงให้ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องดีเพราะลูกสาวลูกชายจะได้แข็งแรงแจ่มใสด้วยความสุขจากภายใน และเป็นเซเลบสุดเลิฟของชาวโซเชียลมีเดีย ช่วยกันทำมาหากินไปยาวๆ

ช่วยมามี้ทำมาหากิน ซัสช่าและไปป์เปอร์ (พร้อมสหาย) ถ่ายภาพโปรโมทร้านเบเกอรี่ ชื่อ Tiongbahru Bakery พร้อมให้ถ้อยคำน่ารักที่จูงใจให้นึกอยากไปชิม บอกว่า “ความสุขทั้งหลายขึ้นอยู่กับว่าได้ทานอะไรเป็นอาหารเช้า กลิ่นหอมเนยจากร้าน @tiongbahrubakery มีเสน่ห์มาก” แล้วซัสช่าเล่าว่า มีสนามหญ้าเขียวสวยซึ่งมามี้คิดว่าปล่อยสายจูงให้เราได้วิ่งออกกำลังกาย แต่หนูคิดไปอีกทางหนึ่ง และวิ่งไปยังร้านเบเกอรี่แทน ใครจะไปสนเรื่องวิ่ง ในเมื่อหนูมีครัวซองต์หอมเนยให้หม่ำ

ซัสช่าและไปป์เปอร์ช่วยมามี้ส่งเสริมธุรกิจ SMEs สิงคโปร์ พร้อมเล่ากิจกรรมในค่ำคืนสบายๆ ที่ทำด้วยกันทั้งครอบครัว ให้แฟนคลับอินสตาแกรม Lomodoggies อ่านเพลินๆ ในภาพนี้ สองน้อนถ่ายรูปที่หน้าร้านอาหารบราซิลเลียนซึ่งมีเจ้าของเป็นชาวสิงคโปร์ โดยให้เห็นภาพหน้าร้านแสนสวยแต่ไม่ได้ระบุชื่อร้าน พร้อมติดแฮชแท็กให้ช่วยกันส่งเสริมร้านของคนสิงคโปร์ #supportlocalsg ซัสช่าเล่าว่าไปเป็นเพื่อนมามี้ทานอาหารเย็น ขณะที่รอ ก็ชวนกันบันทึกภาพของร้าน ซึ่งเป็นร้านอาหารริมทางที่เสิร์ฟอาหารบราซิลเลียนอร่อยมาก  การนำเสนอเรื่องราวสิ่งละอันพันน้อยเยี่ยงนี้ เป็นเสน่ห์มัดใจแฟนคลับให้ผูกพันใกล้ชิดกันน้อนเซเลบ
เจน เปะฮ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง The Woof Agency ให้สัมภาษณ์แก่เว็บไซต์นักวิเคราะห์กลุ่ม global-perspectives.org.uk ว่าเส้นทางความสำเร็จในแบบของคุณเอ้อร์ ที่สร้างดาราขวัญใจมหาชนขึ้นมาด้วยตนเอง และแบรนด์ต่างๆ เป็นฝ่ายวิ่งเข้าไปเสนองานให้นั้น เป็นปรากฏการณ์พิเศษของโลกโซเชียลมีเดีย

ทั้งนี้ เป็นเพราะบนแพลตฟอร์มขนาดมหึมาอย่างอินสตาแกรม โอกาสถูกเปิดกว้างให้คนเดินดินธรรมดาคนหนึ่ง เสนอภาพ-คลิป-กระทู้ซึ่งสุดยอดจะโดนตาบาดใจ สื่อสารตรงไปถึงผู้คนเรือนหมื่นเรือนแสนทั่วโลก

ดังนั้น นับเป็นเรื่องธรรมดาที่ว่าภายในเวลาสั้นๆ ลูกน้อยขนฟูของคุณเอ้อร์ ก็ได้เสียงตอบรับล้นหลาม และกลายเป็นคู่ขวัญสุดเลิฟของประชาชน แล้วงานโฆษณาค่าจ้างแพงๆ จากเจ้าของแบรนด์สินค้าต่างๆ ก็หลั่งไหลเข้าไป

คุณเจนกล่าวกับเอเอฟพีว่าเทรนด์ขายสินค้าด้วยเสน่ห์แห่งสัตว์เลี้ยงน่ารักน่ากอดนั้น พุ่งแรงจริงๆ ในรอบหลายปีนี้ โดยยังไม่เห็นวี่แววที่จะซาตัวลงเลย เธอยืนยันมั่นใจว่าความต้องการให้สัตว์เลี้ยงน่ารักที่ทรงอิทธิพลต่อหัวจิตหัวใจของผู้คน มาช่วยสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าจะยั่งยืนกันอีกนานโดยจะขยายขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ เธอชี้ประเด็นไว้กับ global-perspectives.org.uk โดยให้ตัวเลขว่าขนาดของอุตสาหกรรมการส่งเสริมการขายด้วยแรงจูงใจแห่งอินฟลูเอนเซอร์นั้นเพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปีหน้า (2022) อุตสาหกรรมนี้จะทำเงินสูงถึง 15,000 ล้านดอลลาร์ โดยในส่วนของอินฟลูเอนเซอร์สัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ค่อนข้างใหม่ จะเติบโตแรงจัดด้วย 2 ตัวช่วยสำคัญ คือ ความเฟื่องฟูของการมีสัตว์เลี้ยงอยู่ในบ้านซึ่งขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง กับความร้อนแรงของโลกอินเทอร์เน็ต ที่ทำให้ผู้คนมีความผูกพันกับสัตว์เลี้ยงที่ได้เห็นบนโซเชียลมีเดีย

คุณเจน เปะฮ์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท The Woof Agency ซึ่งเชี่ยวชาญการเชื่อมโยงสัตว์เลี้ยงไปยังแบรนด์ต่างๆ   และเป็นบริษัทตัวแทนของซัสช่ากับไปป์เปอร์ คอยหางานมาป้อนให้  เธอเล่าว่าเธอหลงใหลในน้อนๆ สัตว์เลี้ยงอย่างที่สุด สามารถเพลิดเพลินดูภาพถ่าย คลิปวิดีโอสัตว์เลี้ยงบนอินสตาแกรมและเฟสบุ๊กได้เป็นชั่วโมงๆ และด้วยความที่มีภูมิหลังด้านโฆษณา เธอเล็งเห็นว่าอินฟลูเอนเซอร์สัตว์เลี้ยงสามารถจูงใจผู้บริโภคได้ดีไม่น้อยหน้าอินฟลูเอนเซอร์มนุษย์ ในที่สุด เธอจึงร่วมกันกับหุ้นส่วนสร้างบริษัทเอเยนซีนี้ขึ้นมา  ในภาพนี้ คุณเจนทำงานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สำนักงานในสิงคโปร์ เมื่อ 16 กรกฎาคม 2021
อยากประสบความสำเร็จ แค่ภาพสวย-หล่อยอดเยี่ยมน่ะ ยังไม่พอ

เมื่อ global-perspectives.org.uk ถามเจน เปะฮ์ว่าสิ่งใดทำให้สัตว์เลี้ยงสักตัวหนึ่งประสบความสำเร็จโด่งดังขึ้นมาในโซเชียลมีเดีย เธอตอบฟันธงว่า เนื้อหาที่ใช่และโดนใจ

เจ้าของสัตว์เลี้ยงมากมายเข้าใจผิดว่าจะต้องนำเสนอภาพที่คู่ควรกับอินสตาแกรม อาทิ มีแบ็กกราวน์เลอเลิศ มีความงดงาม และมีการตกแต่งภาพที่ยอดเยี่ยม ซึ่งก็มีบ้างที่โด่งดังขึ้นมาด้วยแนวทางเช่นนี้ แต่สำหรับ The Woof เนื้อหาเป็นเสน่ห์ที่ผูกใจให้ผู้คนติดหนึบติดหนับ

สัตว์เลี้ยงแต่ละตัวมีเรื่องราวของเขาเอง สุนัขของคุณอาจจะจู้จี้เลือกรับประทานเวอร์มาก แมวของคุณอาจจะเป็นมหารานีแสนสวยผู้เกลียดการอาบน้ำอย่างที่สุด เม่นของคุณอาจจะเคยถูกทอดทิ้ง แต่ตอนนี้มีชีวิตเลอเลิศแล้ว จงนำเรื่องราวทั้งหลายของพวกเขามาเล่าแชร์ทุกวัน จงไปให้ไกลกว่าแค่ภาพถ่าย วิดีโอ จงปฏิบัติต่อผู้ติดตามแอคเคาน์ของคุณเสมือนว่าเป็นมามี้-แดดดี๊ของเจ้าลูกน้อยขนฟูด้วยกันกับคุณ เจน เปะฮ์แนะนำอย่างนั้น

คุณแคร์รี เอ้อร์ จะใส่ใจมากกับการเขียนเนื้อหาเรื่องราวในชีวิตของซัสช่าและไปป์เปอร์ให้แฟนคลับได้ติดตาม ในกระทู้นี้ เขียนในฐานะของซัสช่า มาเล่าว่าฟื้นตัวแข็งแรงดี หลังพักผ่อนเต็มที่นาน 6 วันนับจากที่การเข้ารับผ่าตัดเนื้องอก และขอรายงานตัวกับแฟนคลับทุกคนทั่วโลก ทั้งแฟนๆ ทางอินสตาแกรมและทางเฟสบุ๊ก พร้อมกับขอบคุณคำภาวนาและความปรารถนาดีทั้งปวง
อินฟลูเอนเซอร์สัตว์เลี้ยงเป็นวิธีจูงใจผู้บริโภคที่ได้ผลจริงๆ โดยเน้นผู้บริโภคกลุ่ม Millennial

พร้อมนี้เจน เปะฮ์ ยืนยันมั่นใจกับ global-perspectives.org.uk ว่าการใช้อินฟลูเอนเซอร์สัตว์เลี้ยงเป็นวิธีจูงใจลูกค้าที่ได้ผลจริงๆ เธอบอกว่าในปี 2024 แรงงานกว่า 75% เป็นคนกลุ่มสหัสวรรษที่ 3 หรือก็คือกลุ่ม Millennial ดังนั้น แบรนด์ต่างๆ จะใช้สัตว์เลี้ยงเป็นประตูเปิดเข้าไปสื่อสารกับผู้บริโภคกลุ่มนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะรักสุนัข แมว และสัตว์เลี้ยงต่างๆ เมื่อสื่อสารด้วยสิ่งที่ชาว Millennial รัก ก็จะทำให้พวกเขาสนใจฟัง

โฆษณาชุด dogsofMercedes ของเบนซ์แคนาดา คือตัวอย่างที่ดี

ทั้งนี้ สัตว์เลี้ยงผู้ทรงอิทธิพลสามารถผูกโยงเข้ากับสินค้าได้อย่างกว้างขวาง ทั้งของสำหรับน้อนๆ โดยตรง เช่น อาหาร ขนม เครื่องใช้เครื่องประดับทั้งปวง และสิ่งประดิษฐ์ไฮเทคต่างๆ ไปจนถึงข้าวของเครื่องใช้สำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่เกี่ยวข้องกับน้อน อาทิ เครื่องดูดฝุ่นที่ทำการดูดขนน้อนได้เกลี้ยงเกลาและง่ายดาย โทรทัศน์ให้น้อนดูด้วยกันกับมามี้และแดดดี๊ พื้นผิวของสิ่งต่างๆ ในบ้านและรถยนต์ที่จะไม่เสียหายเมื่อน้อนอยากจะลับเล็บขึ้นมา ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ปลอดภัยต่อน้อน สิ่งเหล่านี้เป็นไปตามความใส่ใจของมามี้และแดดดี๊ที่เป็นห่วงความกินดีอยู่ดีของลูกน้อยขนฟู

บริษัท The Woof Agency เชื่อว่าในยุคสมัยนี้ สัตว์เลี้ยงเป็นแหล่งให้การสนับสนุนทางอารมณ์แก่คนเรา การได้เฝ้าดูภาพถ่ายและคลิปวิดีโอของน้อนๆ เซเลบตัวโปรดบนโซเชียลมีเดีย การได้อ่านเรื่องราวของพวกเขา ได้หัวเราะ ได้น้ำตาซึมกับความสุข-ทุกข์ของพวกขา คนเราก็มีความสุข

ในเวลาเดียวกัน จำนวนผู้ที่ตัดสินใจมีสัตว์เลี้ยงเป็นของตนเองก็สูงขึ้นเรื่อยๆ โดยมีตัวเลขของปี 2020 บอกว่าคนในสหรัฐฯ ใช้จ่ายเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ แบรนด์ต่างๆ ทราบถึงเรื่องนี้กันเป็นอย่างดี  และแย่งกันครอบครองส่วนแบ่งตลาดสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงอย่างดุเดือด อาวุธลับที่จะคว้าส่วนแบ่งในตลาดนี้ได้ ก็คือใช้น้อนๆ ดาราระดับแม่เหล็กดึงดูดใจของพวกมามี้-แดดดี๊นั่นเอง

“อินฟลูเอนเซอร์สัตว์เลี้ยงมีข้อได้เปรียบเยอะค่ะ เพราะคนเราล้วนแต่รักพวกเขา พวกเขาน่ารัก ไม่มีใครชังเด็กๆ เหล่านี้ได้ลงคอหรอกค่ะ” คุณเจนกล่าวด้วยความมั่นใจ บริษัทตัวแทนดาราสัตว์เลี้ยงของเธอ มีดาราในความดูแลมากมายประมาณ 6,000 รายกันเลยทีเดียว เอเอฟพีรายงานอย่างนั้น

น้อนมิสเอเชียคินนีย์ เจ้าเฟรนช์บูลด็อกตัวน้อยหน้าตาเอาเรื่องทีเดียวเชียว ถ่ายภาพพร้อมสวมสร้อยไข่มุกงามหรู กับมามี้คนดัง เลดี้ กาก้า เพื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์เครื่องหนังแบรนด์หรู นามว่า โค้ช (Coach)  ด้านคุณแม่ผู้ซึ่งไม่ค่อยจะขี้เห่อเลย นำรูปขึ้นอวดแฟนคลับเกือบ 84 ล้านรายบนทวิตเตอร์ และโม้สนั่นว่า “ดิฉันภูมิใจที่จะประกาศว่าลูกน้อยของดิฉัน @MissAsiaKiney เป็นดาราและภาพลักษณ์แห่ง COACH ในซีซั่นนี้ค่ะ”

มามี้แคร์รีถ่ายภาพซัสช่าและไปป์เปอร์ พร้อมชูขนมอร่อยล่อใจลูกทั้งสอง ที่บ้านอพาร์ทเมนท์ในสิงคโปร์ เมื่อ 29 สิงหาคม 2021
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า

(ที่มา: เอเอฟพี อินสตาแกรม Lomodoggies global-perspectives.org.uk Alltvspots.com เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์)



กำลังโหลดความคิดเห็น