เอเจนซีส์ – ภัตตาคารอาหารอิตาเลียนชื่อดัง คาร์ไมน์(Carmine) นิวยอรก ล่าสุดเผยภาพกล้องวงจรปิดคดีดังหลัง 3 สาวผิวสีจากรัฐเทกซัสกล่าวหาพนักงานต้อนรับหญิงเชื้อสายเอเชียของร้านใช้คำพูดเหยียดสีผิวเกิดขึ้นหลังทางร้านขอหลักฐานบัตรฉีดวัคซีนโควิด-19แต่กลับโชว์ของปลอมเมื่อวันที่ 16 ก.ย เกิดตะลุมบอนในที่สุด นักท่องเที่ยวหญิงแอฟริกันอเมริกันถูกจับฐานทำร้ายร่างกาย กลุ่มแบล็กไลฟ์แมทเทอร์ออกโรงประท้วง ส่วนพนักงานต้อนรับเอเชียหายตัวลึกลับ
เดลีเมล สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(22 ก.ย)ว่า กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตและลามไปเป็นการเหยียดสีผิวเมื่อมีภาพที่ถูกถ่ายไว้ได้จากโทรศัพท์มือถือเมื่อวันเกิดเหตุในวันพฤหัสบดีที่ 16 ก.ย ปรากฎการตะลุมบอนทำร้ายร่างกายภายในร้านอาหารอิตาเลียนชื่อดังที่เขตอัปเปอร์ เวสต์ ไซด์(Upper West Side)ของรัฐนิวยอร์ก ก่อนที่พนักงานในร้านคนอื่นและคนที่ผ่านไปมาเข้ามาห้ามทัพแยกกันระหว่างพนักงานต้อนรับหญิงเชื้อสายเอเชียที่ไม่ระบุชื่อและนักท่องเที่ยวหญิงผิวสี 3 คนจากรัฐเทกซัสซึ่งเกิดขึ้นในเวลา 17.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น
NBC News รายงานว่า พนักงานหญิงเอเชียถูกชกหลายครั้งและถึงขั้นสร้อยคอของเธอขาด อ้างอิงข้อมูลจากตำรวจและเธอถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเมาท์ ไซนาย (Mount Sinai Hospital) ส่วนคู่กรณีผิวสีถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจโดนข้อหาทำร้ายร่างกาย
เรื่องเกิดเมื่อ เคตา แรนกิน (Kaeita Rankin)วัย 44 ปี หลานสาว ไทออนนี คีเชย์ แรนกิน(Tyonnie Keshay Rankin) วัย 21 ปี และ แซลลี ราเชล ลูอิซ(Sally Rechelle Lewis) วัย 49 ปี กำลังจะเข้าไปใช้บริการในร้านอาหารอิตาเลียนชื่อดังเพื่อปาร์ตีส่วนตัวแต่ต้องชะงักเมื่อพนักงานหญิงต้อนรับเชื้อสายเอเชียที่ยืนอยู่หน้าร้านขอดูบัตรฉีดวัคซีนโควิด-19ตามกฎ โดยมีภาพปรากฎว่ามีการนำกลุ่มทั้งหมดเข้าไปด้านในหลังมีการแสดงบัตรขณะที่ชาย 3 คนที่รวมอยู่ด้วยไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้านใน แต่ภายหลังพบว่าทางร้านปฎิเสธการให้บริการแก่หญิงทั้งสามเนื่องมาจากบัตรวัคซีนดังกล่าวเป็นของปลอม และในจุดหนึ่งนำไปสู่การมีเรื่องทำร้ายร่างกายที่บริเวณด้านหน้าของร้านโดยฝ่ายนักท่องเที่ยวผิวสีจากรัฐเทกซัสอ้างว่าพนักงานต้อนรับหญิงคู่กรณีใช้คำูพูด n-word ซึ่งเป็นคำพูดเหยียดสีผิว
เดลีเมลชี้ว่า พบว่าพนักงานหญิงเชื้อสายเอเชียวัย 24 ปีของร้านที่ถูกทำร้ายรายนี้เพิ่งเข้ามาทำงานที่ร้านคาร์ไมน์ได้ไม่กี่วันก่อนเกิดเหตุ อ้างอิงจากพนักงานร้านคนหนึ่งที่เปิดเผยในวันอังคาร(21)
และพนักงานชายคนดังกล่าวยังเปิดเผยกับสื่ออังกฤษต่อว่า หลังเกิดเหตุไม่พบว่าพนักงานหญิงกลับมาทำงานที่ร้านอีกเลย พนักงานชายระบุว่า ฝ่ายบริหารระดับบนของทางร้านได้แจ้งต่อพนักงานทุกคนว่า ลูกค้า 3 คนจากรัฐเทกซัสถูกปฎิเสธการให้บริการเนื่องมาจากแสดงบัตรวัคซีนโควิด-19ปลอม
สื่ออังกฤษรายงานว่า มีรายงานที่เปิดเผยออกมาว่าพนักงานต้อนรับหญิงกล่าวกับนักท่องเที่ยวผิวสีทั้งสามว่า “พวกคุณทั้งสามเชิญออกไปจากภัตตาคารของดิฉันได้เลย” หรือคำพูดที่มีลักษณะคล้ายกันนี้ ขณะที่ฝ่ายนักท่องเที่ยวผิวสีตอบกลับไปว่า “นี่ไม่ใช่ภัตตาคารของคุณ คุณเป็นแค่พนักงานประจำร้านเท่านั้น กรุณาใช้คำพูดที่ให้เกียรติกับพวกดิฉันด้วย”
การตะลุมบอนที่ร้านอาหารอิตาเลียนล่าสุดเป็นหนึ่งในวิกฤตโควิด-19ของสหรัฐฯที่ร้านอาหารและภัตตาคารในรัฐนิวยอร์กต้องร้องขอให้ผู้เข้ารับบริการแสดงบัตรโควิด-19ก่อนให้บริการหรือธุรกิจร้านค้าอาจถูกทางรัฐสั่งปรับเป็นเงิน 1,000 ดอลลาร์ ซึ่งมีภาพปรากฎไปทั่วที่คณะประธานาธิบดีบราซิล ฌาอีร์ โบลโซนารู ต้องยืนกินพิซซ่าข้างถนนมาแล้วเพราะไม่ยอมฉีดวัคซีนโควิด-19
อย่างไรก็ตามในคืนวันจันทร์(20)กลุ่มแบล็กไลฟ์แมทเทอร์จัดการประท้วงนอกภัตตาคารคาร์ไมน์ทันทีเพื่อสนับสนุนกลุ่มนักท่องเที่ยวผิวสีจากรัฐเทกซัส โดยต่างตะโกนต่อต้านทางร้านที่ชี้ไปในแนวทางว่า ร้านคาร์ไมน์เป็นพวกกีดกันสีผิว และเรียกร้องให้ทางร้านเปิดเผยภาพจากกล้องทีวีวงจรปิดของตัวเอง รวมไปถึงยังประณามกฎการแสดงบัตรฉีดวัคซีนโควิด-19ของทางรัฐนิวยอร์กอีกด้วย
อย่างไรก็ตามภัตตาคารคาร์ไมน์ปฎิเสธอย่างเป็นทางการว่า พนักงานร้านไม่มีการใช้คำพูดเหยียดสีผิวแต่อย่างใดตามคำกล่าวอ้างและพนักงานของร้านยังปฎิบัติอย่างเหมาะสมและเป็นมืออาชีพ ซึ่งทางภัตตาคารคาร์ไมน์ได้เผยแพร่ภาพทีวีกล้องวงจรปิดในเวลาต่อมา
และในคำแถลงการณ์ที่ออกมาจากภัตตาคารคาร์ไมน์ให้กับสื่อ NBC NEWS มีข้อความว่า ทางร้านรู้สึกตกใจและเป็นเหตุการณ์ที่น่าสยดสยองเมื่อมี 1 ในพนักงานร้านที่มีคุณค่าถูกทำร้ายร่างกายจากการปฎิบัติหน้าที่ตามนโยบายของทางเมืองระหว่างพยายามที่จะหาเลี้ยงตัวเอง