โรงพยาบาลแห่งหนึ่งบริเวณทางเหนือของรัฐนิวยอร์ก สหรัฐฯ จะต้องระงับทำคลอดทารก หลังมีบุคลากรในแผนกสูติกรรมหลายคนลาออก สืบเนื่องจากคำสั่งบังคับฉีดวัคซีนโควิด-19 สำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์รายงานในวันเสาร์ (11 ก.ย.) โดยอ้างสื่อมวลชนท้องถิ่น
ฟ็อกซ์นิวส์ระบุสำนักข่าว WWNY-TV รายงานว่า โรงพยาบาลลูอิส เคาน์ตี เจเนอรัล ถูกบีบให้ต้องระงับทำคลอดทารกทุกรายเป็นการชั่วคราวหลังจากวันที่ 24 กันยายนเป็นต้นไป สืบเนื่องจากมีบุคลากรในแผนกสูติกรรมหลายคนปฏิเสธเข้ารับวัคซีน
เกรัลด์ คาเยอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของระบบสาธารณสุขลูอิส เคาน์ตี เปิดเผยระหว่างแถลงข่าวในวันศุกร์ (10 ก.ย.) ว่า จนถึงตอนนี้มีบุคลากร 6 คนในแผนกสูติกรรมเลือกลาออกแทนฉีดวัคซีน ส่วนอีก 7 คนยังไม่ตัดสินใจ
"หากเราสามารถหยุดให้บริการและพุ่งเป้าไปที่การรับสมัครพยาบาลที่ฉีดวัคซีนแล้ว เราจะสามารถกลับมาทำคลอดเด็กได้อีกครั้งในลูอิส เคาน์ตี" คาเยอร์ กล่าว
นับตั้งแต่มีมาตรการบังคับฉีดวัคซีนบุคลากรด้านสาธารณสุขเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม คาเยอร์เผยว่า จนถึงตอนนี้มีบุคลากรลาออกไปแล้ว 30 ราย โดยในนั้น 20 คน มีบทบาททางคลินิกต่างๆ ทั้งพยาบาล นักกายภาพบำบัดและเจ้าหน้าที่เทคนิค ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอเตอร์ทาวน์ เดลี ไทม์ส
คาเยอร์ เผยว่า แม้มีบุคลากรของโรงพยาบาลฉีดวัคซีนแล้ว 464 คน แต่มีอีกถึง 165 คนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน
"มันเป็นช่วงเวลาที่บ้ามาก" คาเยอร์กล่าว เน้นย้ำว่าโรงพยาบาลจะพยายามไม่ปิดการบริการต่างๆ "มันไม่ใช่แค่ที่ลูอิส เคาน์ตี เจเนอรัล โรงพยาบาลอื่นๆ ในแถบชนบทก็กำลังพยายามหาแนวทางให้สถานพยาบาลเปิดปฏิบัติการต่อไป"
(ที่มา : ฟ็อกซ์นิวส์)