รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมขยายภาวะฉุกเฉินควบคุมโควิด-19 ในพื้นที่กรุงโตเกียวและภูมิภาคอื่นๆ ออกไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย. เพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน และป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตคนไข้ล้นโรงพยาบาล ขณะเดียวกันก็ย้ำเตือนประชาชนว่ายังคงต้อง “ยกการ์ดสูง” กันอยู่
ญี่ปุ่นยังคงเผชิญศึกหนักในการรับมือโควิด-19 ระลอกที่ 5 และแม้ว่ารัฐบาลจะสั่งขยายมาตรการคุมเข้มจนถึงวันที่ 12 ก.ย. โดยครอบคลุมประชากรราว 80% ของทั้งประเทศแล้ว ทว่าจำนวนผู้ป่วยที่อาการรุนแรงและคนป่วยในโรงพยาบาลทั้งในเขตกรุงโตเกียวและจังหวัดโดยรอบกลับยังไม่ลดลงมากพอที่จะผ่อนปรนข้อจำกัดได้
ยาสุโตชิ นิชิมุระ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจซึ่งรับผิดชอบดูแลการรับมือโควิด-19 ยืนยันว่า รัฐบาลจะขยายภาวะฉุกเฉินไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย. โดยให้ครอบคลุมไปถึงจังหวัดโอซากะด้วย
มาตรการฉุกเฉินที่ญี่ปุ่นใช้ยังคงเน้นไปที่การขอให้ร้านอาหารต่างๆ ปิดเร็วกว่าปกติ และงดเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
อย่างไรก็ตาม นิชิมุระ เผยว่าสถานการณ์โดยรวมทั้งประเทศเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้ 2 จังหวัดสามารถยกเลิกภาวะฉุกเฉิน และหันไปใช้ข้อจำกัดแบบเฉพาะเจาะจงได้ ขณะที่บางจังหวัดจะสามารถปลดล็อกมาตรการคุมเข้มได้ทั้งหมด
“ผมเชื่อว่าเราเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ดี แต่ก็ยังเร็วเกินไปที่จะลดการ์ดลง” โนริฮิสะ ทามุระ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น กล่าวระหว่างประชุมกับคณะที่ปรึกษา
รัฐบาลญี่ปุ่นจะมีการประชุมเพื่อสรุปแผนต่ออายุมาตรการฉุกเฉินในช่วงบ่ายวันนี้ (9 ก.ย.) ก่อนที่นายกรัฐมนตรี โยชิฮิเดะ ซูงะ จะเปิดการแถลงข่าว
หนังสือพิมพ์นิกเกอิรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นยังมีแผนที่จะผ่อนคลายข้อจำกัดสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศ โดยจะลดระยะเวลากักตัวจาก 14 วันเหลือเพียงแค่ 10 วัน ในกรณีที่ผู้เดินทางฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ญี่ปุ่นให้การรับรอง
สื่อแดนปลาดิบตั้งข้อสังเกตว่า หลังจากนี้ภาครัฐอาจจะเริ่มผ่อนปรนให้ร้านอาหารขยายเวลาเปิด และเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้บ้าง เนื่องจากอัตราการฉีดวัคซีนในญี่ปุ่นเพิ่มสูงขึ้น
แม้จะประสบปัญหาล่าช้าในช่วงแรกๆ ทว่าโครงการฉีดวัคซีนในญี่ปุ่นก็มีความคืบหน้าไปมากแล้ว โดยขณะนี้ประชากรญี่ปุ่นราวๆ 50% ฉีดวัคซีนครบ 2 โดส
ที่มา: รอยเตอร์