สื่อจีนออกหน้าแถลงย้ำปักกิ่งจริงใจเปิดประเทศ-ส่งเสริมภาคเอกชน แม้เดินแผนกำราบอุตสาหกรรมไฮเทค-ซูเปอร์ริช

สื่อทางการจีนออกมายืนยันในวันพุธ (8 ก.ย.) การเล่นงานอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่เทคโนโลยีจนถึงการศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ ไม่ได้หมายถึงแดนมังกรกำลังไขว้เขวในเป้าหมายที่จะเปิดเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นอีก ขณะที่พวกผู้สังเกตการณ์เชื่อ ปักกิ่งกำลังพยายามฟื้นความมั่นใจนักลงทุนที่เสียขวัญ โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ

การเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบควบคุมอย่างกว้างขวางในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยครอบคลุมพุ่งเป้าเล่นงานทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่พฤติกรรมการผูกขาดตลาด ไปจนถึงการมุ่งรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล กำลังฉุดราคาหุ้นให้ดำดิ่งและมูลค่าของบริษัทจีนหลายแห่งวูบหายหลายพันล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ ทางการสั่งให้บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ที่สุดบางแห่ง หยุด “การขยายตัวอย่างไร้ระเบียบ” รวมทั้งระงับแผนการระดมทุนในตลาดหุ้นของแอนต์ กรุ๊ป ผู้ให้บริการทางการเงินยักษ์ใหญ่ในเครืออาลีบาบา และเปิดการสอบสวนกรณีพฤติการณ์ต่อต้านการแข่งขันและความมั่นคงทางไซเบอร์กับบริษัทหลายแห่ง

นอกจากนั้น การผลักดันระลอกใหม่ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่มีเป้าหมายมุ่งเล่นงานเหล่าซูเปอร์ริชในประเทศ และเรียกร้อง “ความมั่งคั่งรุ่งเรืองร่วมกัน” ของประชาชนในวงกว้าง เหล่านี้ยิ่งเติมเชื้อเพลิงให้แก่การถกเถียงดุเดือดในสังคม พร้อมกันนั้น เวลานี้ยังมีการเคลื่อนไหวมุ่งเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบควบคุมพวกศิลปวัฒนธรรมซึ่งเป็นที่นิยมของผู้คนในวงกว้างอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม จากการที่มีบล็อกเกอร์ชื่อดังรายหนึ่งเขียนบทความที่มีการแชร์กันอย่างกว้างขวาง ระบุว่า การปราบปรามเล่นงานด้านต่างๆ เหล่านี้ของปักกิ่ง คือ “การปฏิวัติอย่างลึกซึ้ง” กลับกระตุ้นให้พวกเจ้าหน้าที่ภาครัฐและสื่อของทางการรีบออกมาอธิบายเพื่อดับกระแสความกังวลที่ว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกำลังจะนำไปสู่การปฏิวัติวัฒนธรรมรอบสอง

หนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้า (พีเพิลส์เดลี่) ปากเสียงอย่างเป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ฉบับวันพุธ (8) นำเอาบทบรรณาธิการมาตีพิมพ์เอาไว้ในหน้าหนึ่ง ระบุว่า การเปิดประเทศสู่โลกภายนอกถือเป็นนโยบายพื้นฐานแห่งชาติของจีนซึ่งจะไม่หวั่นไหวไม่ว่าเมื่อใดก็ตาม เช่นเดียวกับนโยบายและหลักการในการส่งเสริมสนับสนุนและในการนำทางการพัฒนาภาคที่ไม่ใช่ภาครัฐของระบบเศรษฐกิจ ก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ

บทบรรณาธิการดังกล่าวสำทับว่า กฎระเบียบใหม่ๆ ออกมาเพื่อนำทางกิจการเอกชนให้เคารพความเป็นผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์ และรับใช้ผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคมในวงกว้างของประเทศชาติ

ทางด้าน อีเทอร์ อิน หุ้นส่วนของบริษัทที่ปรึกษา ทริวิอุม ไชน่า มองว่า จังหวะเวลาในการปล่อยบทบรรณาธิการนี้ เท่ากับต้องการสื่อสารว่า รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของเศรษฐกิจในภาคเอกชนและบริษัทไฮเทคเอกชน และจะยังคงให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง

เขาสำทับว่า การปราบปรามเล่นงานที่เกิดขึ้น คือการแก้ไขข้อผิดพลาดด้านกฎระเบียบในอดีตและถือเป็นความเจ็บปวดที่ต้องแลกมาเพื่อการเติบโตต่อไป

ขณะที่ เฟิง ชูเฉิง จากบริษัทวิจัย เพลนัม แสดงความเห็นว่า มีความเข้าใจผิดขนานใหญ่เกี่ยวกับเป้าหมายที่แท้จริงของปักกิ่งจากการดำเนินการตรวจสอบระลอกล่าสุด

ในวันพุธ กระทรวงการต่างประเทศจีน ยังออกมากล่าวแก้ต่างให้แก่ความเคลื่อนไหวด้านกฎระเบียบที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ต้องการส่งเสริมการเติบโตและการพัฒนาเศรษฐกิจจีนอย่างเป็นธรรม เป็นระเบียบ และยั่งยืน

ผู้สังเกตการณ์หลายรายเชื่อว่า ปักกิ่งกำลังพยายามคลายความกังวลของนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่กลุ่มธุรกิจหลายแห่งเตือนว่า สภาพแวดล้อมทางธุรกิจของจีนถูกทำให้เป็นประเด็นการเมืองมากขึ้นในปีที่ผ่านมา

อเล็กซ์ คาปรี นักวิจัยของมูลนิธิฮินริช ทิ้งท้ายว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีเป้าหมายชาตินิยมด้านเทคโนโลยีบางอย่างบางประการที่สูงส่งมากๆ ซึ่งเวลานี้ยังไปไม่ถึง ดังนั้นจีนยังคงต้องการนักลงทุนจากภายนอก ตลอดจนถึงการถ่ายโอนเทคโนโลยี

เขาบอกว่า ในท้ายที่สุดแล้วจีนยังคงต้องการที่จะพึ่งพาตนเองให้ได้ในทางเทคโนโลยี เพียงแต่ว่าต้องเดินเกมกันอย่างระมัดระวังมาก

(ที่มา: เอเอฟพี)