คิวบาเมื่อวันจันทร์(6ก.ย.) กลายเป็นชาติแรกของโลกที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 เด็กอายุต่ำสุดอายุ 2 ขวบ โดยใช้วัคซีนที่ผลิตเองในประเทศ ซึ่งยังไม่ผ่านการรับรองขององค์การอนามัยโลก(WHO)
ประเทศคอมมิวนิสต์ที่มีประชากร 11.2 ล้านคน เล็งเป้าหมายฉีดวัคซีนประชากรเด็กทุกคนก่อนกลับมาเปิดเทอม หลังจากโรงเรียนต่างๆได้หยุดการเรียนการสอนเป็นส่วนใหญ่มาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020
ปีการศึกษาใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้วในวันจันทร์(6ก.ย.) แต่เป็นการเรียนจากที่บ้านผ่านรายการโทรทัศน์ เนื่องจากบ้านเรือนของชาวคิวบาส่วนใหญ่ยังเข้าไม่ถึงอินเตอร์เน็ต
หลังจากสิ้นสุดการทดลองทางคลินิกวัคซีนอับดาลาและวัคซีนโซเบรานากับเยาวชน คิวบาได้เริ่มดำเนินโครงการฉีดวัคซีนแก่เด็กๆเมื่อวันศุกร์(3ก.ย.) เริ่มจากกลุ่มอายุ 12 ปีขึ้นไป จากนั้นในวันจันทร์(6ก.ย.) พวกเขาได้เริ่มฉีดวัคซีนแก่กลุ่มอายุ 2-11 ปี ที่จังหวัดเซียนฟวยโกส ทางภาคกลางของประเทศ
ชาติอื่นๆหลายประเทศทั่วโลก กำลงฉีดวัคซีนแก่เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปและบางส่วนยังคงอยู่ระหว่างการทดลองทางคลินิกเด็กอายุต่ำกว่านั้น
หลายประเทศอาทิ จีน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และเวเนซุเอลา แถลงว่ามีแผนฉีดวัคซีนเด็กเล็กเช่นกัน แต่กลายเป็นคิวบาที่เริ่มดำเนินการก่อนใคร ขณะที่ชิลีแถลงในวันจันทร์(6ก.ย.) เห็นชอบใช้วัคซีนซิโนแวคกับเด็กอายุระหว่าง 6 ถึง 12 ปี
วัคซีนของคิวบา ซึ่งเป็นตัวแรกที่พัฒนาในละตินอเมริกา ไม่ได้ดำเนินการวิจัยพัฒนภายใต้ความร่วมมือระหว่างประเทศ และยังไม่ผ่านการตรวจสอบทบทวนจากผู้เชี่ยวชายผู้ทรงคุณวุฒิทางวิทยาศาสตร์(scientific peer review)
พวกเขาพัฒนาวัคซีนโดยใช้เทคโนโลยีตัดต่อโปรตีน (recombinant protein) แบบเดียวกับที่ใช้โดยวัคซีนโนวาแว็กซ์ของสหรัฐฯและวัคซีนซาโนฟีของฝรั่งเศส ซึ่งก็อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากองค์การอนามัยโลกเช่นกัน
ต่างจากวัคซีนอื่นๆหลายตัว วัคซีนที่ผลิตจากการตัดต่อโปรตีน ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ในอุณหภูมิเย็นสุดขั้ว
สถาบันการศึกษาส่วนใหญ่ของคิวบา หยุดการเรียนการสอนมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 โดยสามารถกลับมาเปิดได้ช่วงสั้นๆ ไม่กี่สัปดาห์ก่อนสิ้นปีที่แล้ว แต่สุดท้ายก็ต้องปิดเรียนอีกครั้งในเดือนมีนาคม
รัฐบาลประกาศว่าโรงเรียนต่างๆจะกลับมาเปิดการเรียนการสอนแบบค่อยเป็นค่อยไปในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน แต่ก็ต่อเมื่อเด็กทุกคนได้ฉีดวัคซีนแล้ว
คิวบาพบเจอกับการแพร่ระบาดหนักหน่วงของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สถานการณ์ที่กำลังกดดันระบบสาธารณสุขของประเทศ
ในบรรดาผู้เสียชีวิตกว่า 5,700 คนนับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้น เกือบครึ่งหนึ่งเป็นการเสียชีวิตในเดือนที่แล้วเพียงเดือนเดียว ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ในเดือนที่แล้ว คิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม
(ที่มา:เอเอฟพี)