กองทัพสหรัฐฯ ทิ้งเครื่องบินหลายสิบลำ รวมถึงรถหุ้มเกราะและระบบป้องกันขีปนาวุธไฮเทคเอาไว้ที่สนามบินคาบูล ก่อนจะถอนกำลังพลชุดสุดท้ายออกมาเมื่อวานนี้ (30 ส.ค.) ทว่ายุทโธปกรณ์ทั้งหมดถูกทำให้ใช้งานไม่ได้แล้ว
พล.อ.เคนเนธ แมคเคนซี ผู้บัญชาการกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ (US Central Command) ระบุว่า อากาศยาน 73 ลำที่จอดอยู่ภายในท่าอากาศยานนานาชาติ ฮามิด คาร์ไซ “ถูกปลดระวาง” จากภารกิจด้านการทหาร (demilitarized) หรือถูก “ทำให้ใช้งานไม่ได้” แล้ว ก่อนที่ทหารอเมริกันจะปิดฉากภารกิจ 2 สัปดาห์ในการอพยพคนออกจากอัฟกานิสถาน
“อากาศยานเหล่านั้นไม่มีทางจะขึ้นบินได้อีก และไม่มีใครสามารถจะนำมันไปใช้งานได้อีก” พล.อ.แมคเคนซี ระบุ
“อันที่จริงเครื่องบินส่วนใหญ่ก็อยู่ในสภาพที่ใช้งานไม่ได้อยู่แล้ว แต่แน่นอนว่าพวกมันไม่มีทางบินได้อีกอย่างแน่นอน”
นายพลอาวุโสยังระบุด้วยว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ซึ่งมีทหารอยู่เกือบ 6,000 นายคอยดูแลสนามบินคาบูลขณะที่ภารกิจอพยพคนเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 14 ส.ค. ยังทิ้งรถหุ้มเกราะทางยุทธวิธี MRAP ที่ราคาคันละประมาณ 1 ล้านดอลลาร์เอาไว้อีก 70 คัน รวมถึงรถฮัมวีอีก 27 คัน แต่ทั้งหมดก็ถูกทำให้ไม่สามารถใช้งานได้แล้วเช่นกัน
อาวุธยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ ซึ่งถูกทิ้งไว้ในอัฟกานิสถานยังรวมถึงระบบป้องกันภัยระยะประชิด C-RAM ซึ่งสามารถสกัดกั้นจรวด, กระสุนปืนใหญ่ และกระสุนปืนครก ที่อาจยิงเข้ามาโจมตีสนามบินคาบูล
ระบบที่ว่านี้ช่วยยิงสกัดจรวด 5 ลูกที่กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ยิงเข้าใส่สนามบินเมื่อวันจันทร์ (30)
พล.อ.แมคเคนซี ระบุว่า “เราเปิดใช้งานระบบอาวุธเหล่านี้จนกระทั่งนาทีสุดท้าย” ก่อนที่เครื่องบินอเมริกันลำสุดท้ายจะเดินทางออกจากอัฟกานิสถาน
“การทำลายระบบอาวุธเหล่านี้มีความซับซ้อนและต้องใช้เวลา เราจึงปลดระวางมันจากภารกิจด้านการทหาร เพื่อให้นำมาใช้งานไม่ได้อีก” เขากล่าว
ที่มา: เอเอฟพี