เอพี – ไบเดนประกาศลุยถล่มทางอากาศไอเอสต่อเพื่อล้างแค้นการโจมตีสนามบินคาบูลเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วที่ทำให้ทหารอเมริกันเสียชีวิต 13 นาย และชาวอัฟกันอีกจำนวนมาก เตือนมีแนวโน้มสูงที่กลุ่มก่อการร้ายนี้จะลงมือซ้ำสอง ขณะที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ออกคำเตือนใหม่เมื่อเช้าวันอาทิตย์ (29 ส.ค.) แนะนำให้ประชาชนออกจากบริเวณสนามบินทันทีเนื่องจากมีภัยคุกคามที่เฉพาะเจาะจงและน่าเชื่อถือ
ภายหลังได้รับการบรรยายสรุปเกี่ยวกับภารกิจการโจมตีด้วยโดรนในจังหวัดนันกาฮาร์ทางตะวันออกของอัฟกานิสถาน ซึ่งเพนตากอนระบุว่า สังหารสมาชิก 2 คนของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) เมื่อเช้าวันเสาร์ (28 ส.ค.) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศว่า นี่ไม่ใช่การโจมตีครั้งสุดท้าย แต่อเมริกาจะไล่ล่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับการโจมตีชั่วร้าย พร้อมสดุดีทหารอเมริกันที่ปฏิบัติภารกิจอพยพคนนับหมื่นจากสนามบินคาบูล รวมถึงทหาร 13 นายที่เสียชีวิตในเหตุระเบิดฆ่าตัวตายใกล้ประตูทางเข้าสนามบินเมื่อวันพฤหัสบดี (26 ส.ค.)
ขณะเดียวกัน การอพยพยังดำเนินต่อไปในบรรยากาศตึงเครียดมากขึ้น โดยกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ออกคำเตือนใหม่เมื่อเช้าวันอาทิตย์ตามเวลาในคาบูล แนะนำให้ประชาชนออกจากบริเวณสนามบินทันทีเนื่องจากมีภัยคุกคามที่เฉพาะเจาะจงและน่าเชื่อถือ
ไบเดนสำทับว่า ได้รับแจ้งจากเหล่าผู้บัญชาการทหารว่า มีแนวโน้มสูงที่ไอเอสจะก่อเหตุโจมตีในช่วง 24-36 ชั่วโมงข้างหน้า และตนสั่งให้กองทัพดำเนินการทุกอย่างที่ทำได้เพื่อปกป้องทหารที่รักษาความปลอดภัยสนามบินคาบูลและช่วยนำชาวอเมริกันและประชาชนอื่นๆ อพยพจากอัฟกานิสถาน
ทางด้านกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า ได้นำร่างทหารอเมริกัน 13 นายที่เสียชีวิตขึ้นเครื่องกลับประเทศแล้ว ถือเป็นความทรงจำอันเจ็บปวดในสงครามเกือบ 20 ปีที่อเมริกาต้องเสียทหารกว่า 2,400 นาย และปิดฉากด้วยการที่กลุ่มตอลิบานที่ถูกกองทัพอเมริกันโค่นเมื่อปี 2001 กลับสู่อำนาจอีกครั้ง
ทหารอเมริกันเหล่านี้ยังเป็นกลุ่มแรกที่เสียชีวิตในอัฟกานิสถานนับจากเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ซึ่งคณะบริหารชุดที่แล้วของโดนัลด์ ทรัมป์ ทำข้อตกลงถอนกำลังและผู้รับเหมาสัญญาทั้งหมดออกจากอัฟกานิสถาน
ภายในเดือนพฤษภาคม 2021 และไบเดนประกาศในเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า ทหาร 2,500-3,000 นายจะยังคงอยู่ในอัฟกานิสถานจนถึงเดือนกันยายนก่อนปิดฉากสิ่งที่ไบเดนเรียกว่า สงครามชั่วนิรันดร์ของอเมริกา
อย่างไรก็ตาม เดือนนี้ไบเดนอนุมัติให้ส่งทหารหลายพันนายไปรักษาความปลอดภัยสนามบินคาบูลและอำนวยความสะดวกภารกิจอพยพชาวอเมริกันนับพันคนและชาวอัฟกันนับหมื่นที่ช่วยอเมริการะหว่างสงคราม ซึ่งการอพยพเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายหลังจากรัฐบาลอัฟกันล่มและตอลิบานเข้ายึดเมืองหลวงอย่างรวดเร็วและง่ายดายเมื่อวันที่ 15 ที่ผ่านมา
จอห์น เคอร์บี โฆษกเพนตากอนเผยว่า จำนวนทหารอเมริกันที่ยังคงอยู่ที่สนามบินคาบูลขณะนี้เหลือไม่ถึง 4,000 นาย และเริ่มการถอนกำลังชุดสุดท้ายแล้วก่อนถึงเส้นตายที่ไบเดนประกาศยุติการอพยพในวันอังคาร (31 ส.ค.) ขณะที่ชาวอัฟกันจำนวนหนึ่งมีแนวโน้มถูกทิ้งให้เผชิญชะตากรรมภายใต้รัฐบาลตอลิบานที่ขึ้นชื่อเรื่องความเหี้ยมโหดเมื่อครั้งปกครองประเทศก่อนปี 2001
รายงานระบุว่า ไบเดนและผู้นำชาติตะวันตกกำลังพยายามเจรจาให้ตอลิบานยอมให้ชาวอัฟกันที่เคยทำงานกับตะวันตกเดินทางออกจากอัฟกานิสถานภายหลังภารกิจอพยพสิ้นสุดลง
ทั้งนี้ มีผู้วิจารณ์ว่า การที่ไบเดนถอนทหารออกจากอัฟกานิสถานเท่ากับว่า อเมริกาขาดทรัพยากรข่าวกรองและกำลังทหารในประเทศดังกล่าว ซึ่งอาจเปิดทางให้กลุ่มอัล-กออิดะห์, ไอเอส และกลุ่มก่อการร้ายสุดโต่งอื่นๆ กลับมาซ่องสุมกำลังใหม่และกลายเป็นภัยคุกคามต่ออเมริกา
การตอบโต้ไอเอสอย่างรวดเร็วสะท้อนว่า อเมริกาจับตากลุ่มก่อการร้ายนี้มาตลอดและยังสะท้อนประสบการณ์ยาวนานในการเล็งเป้าหมายกลุ่มหัวรุนแรงในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ แต่ขณะเดียวกันยังฟ้องว่า อเมริกามีอำนาจจำกัดในการขุดรากถอนโคนกลุ่มก่อการร้ายที่บางคนเชื่อว่า จะสามารถเคลื่อนไหวในอัฟกานิสถานอย่างอิสระมากขึ้นภายใต้รัฐบาลตอลิบาน