เอเอฟพี - วันนี้ (25 ส.ค.) รัฐบาลโตเกียวสั่งขยายการประกาศใช้ทางสถานการณ์ฉุกเฉินทางไวรัสออกไปอีก 8 จังหวัดทั่วประเทศ เกิดขึ้น 1 วันหลังพิธีการแข่งกีฬาพาราโอลิมปิก 2020 เปิดท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่ง
เอเอฟพีรายงานวันนี้ (25 ส.ค.) ว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดเกิดขึ้นหลังโรงเรียนฤดูร้อนในญี่ปุ่นได้สิ้นสุดลงพร้อมไปกับผู้เชี่ยวชาญทางระบาดวิทยาออกมาชี้ว่า การเลื่อนการเปิดเรียนให้ล่าช้าออกไปจะช่วยลดจำนวนการติดเชื้อลงได้
ญี่ปุ่นเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่สูงกว่า 20,000 คนต่อวันมาได้ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และในพื้นที่เขตเมือง เช่น กรุงโตเกียวพบว่าผู้ป่วยโควิด-19 อาการหนักถูกทิ้งให้รอนานหลายชั่วโมง หรือต้องถูกส่งตัวไปรักษายังที่ไกลด้วยรถพยาบาลฉุกเฉินที่ยังคงมีเตียงว่างสำหรับผู้ป่วย
โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น คัตซือโนบุ คาโต (Katsunobu Kato) กล่าวว่า คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นได้อนุมัติแผนการเพิ่มอีก 8 จังหวัดให้อยู่ภายใต้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มี 13 จังหวัดรวมกรุงโตเกียวถูกสั่งก่อนหน้า
การตัดสินใจคาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการภายในวันนี้ (25) หลังจากนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น โยชิฮิเดะ ซูงะ นั่งเป็นประธานประชุมพิเศษในระดับรัฐมนตรี
เนื้อหาของข้อกำหนดรวมไปถึงการสั่งห้ามภัตตาคารและร้านอาหาร รวมไปถึงบาร์จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกำหนดให้ปิดเร็วก่อนกำหนด และกำหนดให้สาธารณะทำงานจากบ้านให้มากที่สุดและงดเว้นการออกไปด้านนอกโดยไม่จำเป็น
เอเอฟพีกล่าวอีกว่า รัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนที่จะนำอีก 4 ภูมิภาคให้อยู่ภายใต้มาตรการที่เข้มงวดน้อยกว่า 8 ภูมิภาคที่จะเป็นทางการในวันพุธ (25)
และทำให้ทั้งหมดจะมี 33 จังหวัดจากทั้งหมด 47 จังหวัดอยู่ภายใต้ข้อกำหนดมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ระหว่างที่ญี่ปุ่นกำลังเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งกีฬาพาราโอลิมปิก 2020 ซึ่งมีพิธีเปิดไปเมื่อวาน (24)
ซึ่งทางคณะผู้จัดการแข่งพาราโอลิมปิกออกมาอ้างว่าได้ใช้มาตรการป้องกันไม่ให้การระบาดเข้าไปสู่สาธารณชนญี่ปุ่น แต่นักวิจารณ์ต่างชี้ว่า การจัดการแข่งถือเป็นการทำให้มาตรการป้องกันไวรัสของรัฐบาลโตเกียวอ่อนแอ และอีกทั้งยังเป็นการเชิญชวนให้ประชาชนออกไปข้างนอกที่พัก
และวันนี้ (25) พบว่าทางที่ปรึกษาระดับสูงด้านไวรัสประจำรัฐบาลซูงะได้กล่าวแก่ ส.ส.ญี่ปุ่นว่า เมืองต่างๆ ทั่วประเทศสมควรที่จะขยายเวลาการปิดภาคฤดูร้อนออกไปเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
ซึ่งมาจนถึงเวลานี้รัฐบาลโตเกียวปฏิเสธที่จะออกคำสั่งปิดโรงเรียนแบบเป็นวงกว้าง พร้อมกับเร่งสปีดการแจกวัคซีนโควิด-19 ให้กประชาชนซึ่งในขณะนี้มีประชากรราว 40% ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบโดสแล้ว