xs
xsm
sm
md
lg

ภาพปวดใจ! เครื่องบินลำใหญ่พาไม่กี่คนออกจากอัฟกัน ทิ้งหลายพันชีวิตเผชิญวิบากกรรม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โลกออนไลน์เผยแพร่ภาพเครื่องบินเกือบจะว่างเปล่าลำหนึ่งบินออกจากกรุงคาบูล พร้อมกับภรรยาของอดีตคอมนานโดนาวิกโยธินแห่งสหราชอาณาจักร และคนอื่นๆ อีกไม่กี่คน ทั้งที่บรรดาชาติตะวันตกรับปากพาชาวอัฟกานิสถานผู้สิ้นหวังหลายพันคนออกนอกประเทศ หลังปล่อยให้ดินแดนแห่งนี้ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของตอลิบาน

พอล เพ็น ฟาร์ธิง อดีตคอมมานโดนาวิกโยธินชาวอังกฤษที่พำนักอยู่ในกรุงคาบูล แยกกับภรรยาระหว่างเกิดสถานการณ์ความยุ่งเหยิงในอัฟกานิสถาน ต่อมา เขาเขียนบนทวิตเตอร์ว่าตอนนี้เธอกำลังเดินทางกลับบ้าน และแชร์ภาพที่เธออยู่ในเครื่องบินช่วยเหลือลำหนึ่ง

"ไคซากำลังเดินทางกลับบ้าน! แต่เครื่องบินลำนี้ว่างเปล่า มันน่าอายเนื่องจากยังมีอีกหลายพันคนที่รออยู่ด้านนอกสนามบินคาบูล พวกเขาเบียดเสียดกันไม่สามารถเข้าไปข้างใน น่าเศร้าที่จะมีผู้คนถูกทิ้งไว้เบื้องหลังตอนที่ภารกิจนี้เสร็จสิ้น เพราะเราไม่สามารถทำมันได้อย่างถูกต้อง" อดีตนาวิกโยธินระบุ

ส่วน ไคซา มาร์คฮุส วัย 30 ปี เปิดเผยกับเดลิเมลว่า เธอถึงกับใจสลาย หลังจากเครื่องบินที่เธอขึ้นไปนั้นทิ้งชาวบ้านท้องถิ่นผู้สิ้นหวังจำนวนมากไว้เบื้องหลัง ในนั้นรวมถึงคุณแม่รายหนึ่งที่ขอให้พาลูกวัยทารกของเธอไปด้วย

มาร์คฮุส เล่าว่า เธอใช้เวลาถึง 4 วันกว่าจะผ่านจุดตรวจของตอลิบานและฝ่าผู้คนนับพันที่เบียดเสียดกันบริเวณด้านนอกของสนาบินคาบูล ก่อนท้ายที่สุดจะได้ขึ้นเครื่องบินทหารลำหนึ่ง

"มีคนหลายพันพยายามเข้ามาในสนามบิน ผู้คนที่หวาดผวาจำนวนมากต้องการออกนอกประเทศ" เธอเล่า "ผู้หญิงคนหนึ่งพยายามส่งลูกของเธอให้ฉัน และบอกว่ากรุณาเอาลูกของเธอไปด้วย แต่ไม่ว่าฉันจะอยากช่วยมากแค่ไหน ฉันก็ช่วยไม่ได้ มันไม่ควรเป็นแบบนี้"

"มีเด็กมากมายร้องไห้ พวกเด็กๆ พลัดหลงกับพ่อแม่ และแม่ๆ ผู้สิ้นหวังอย่างน้อย 3 คน ตัดสินใจมอบทารกของเธอให้ทหาร" เธอกล่าว

มาร์คฮุส และสามี อยู่ในอัฟกานิสถานเพื่อดูแลองค์กรการกุศล Nowzad ศูนย์พักพิงของสัตว์เร่ร่อน ท้ายที่สุดแล้วเธอหลบหนีออกมาได้พร้อมกับเพื่อนผู้หญิงชาวอเมริกันที่ตั้งครรภ์รายหนึ่งซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ ส่วนสามีของเธอขออยู่ต่อ และประกาศว่าจะไม่ออกจากอัฟกานิสถาน จนกว่าพนักงานและครอบครัวของพนักงานทุกคนจะเดินทางออกจากประเทศแห่งนี้ได้อย่างปลอดภัย

มาร์คฮุส เล่าว่า เธอและเพื่อนเกือบโดนเหยียบตายในวันอังคาร (17 ส.ค.) ระหว่างที่ผู้คนหลายหมื่นกรูกันไปยังสนามบิน ทหารยิงเตือนขึ้นสู่ท้องฟ้า แถมยังต้องคอยหลบพวกนักรบตอลิบานที่อยู่ข้างนอก ต้องไปพักที่เซฟเฮาส์ในแต่ละคืน ก่อนกลับมาที่สนามบินในทุกๆ วันในความพยายามหลบหนี

ท้ายที่สุดแล้ว เธอก็ได้ขึ้นเครื่องบินทหารลำหนึ่งในวันพฤหัสบดี (19 ส.ค.) นั่งรอผู้โดยสารคนอื่นๆ นานหลายชั่วโมง แต่ก็ไม่มีใครมา สืบเนื่องจากสถานการณ์ความวุ่นวายข้างนอก "ฉันรออยู่บนลานจอดนานหลายชั่วโมง รอคนที่สามารถผ่านเข้ามา แต่ท้ายที่สุดแล้วเราจำเป็นต้องเทกออฟ ฉันรู้สึกเศร้าเพราะเที่ยวบินนี้ว่างมาก"

เครื่องบินของเธอเดินทางไปถึงจอร์เจียในช่วงเช้า ก่อนที่เธอจะต่อเที่ยวบินพาณิชย์ไปยังกรุงออสโล


เธอเล่าว่าพวกผู้คนและครอบครัวทั้งหลายที่อยู่บริเวณด้านนอกของสนามบินคาบูล ดูเหมือนจะไม่ทราบว่าหากปราศจากเอกสารการทำงานอย่างถูกต้องแล้ว พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางออกมา "มันคงไม่ดีขึ้น มันยิ่งแต่จะเลวร้ายลง ผู้คนเผชิญแต่ความสิ้นหวัง"

เรื่องนี้เกิดขึ้นแม้ว่า เบน วอลเลซ รัฐมนตรีกลาโหมเคยยืนยันสหราชอาณาจักรจะใช้ประโยชน์จากที่ว่างทั้งหมดเท่าที่จะเป็นไปได้บนเที่ยวบินช่วยเหลือ และเน้นย้ำว่าจะไม่ปล่อยให้ทุกชั่วโมงของปฏิบัติการอพยพต้องสูญเปล่า เขายังบอกด้วยว่า กองกำลังของตะวันตกจะดำเนินการต่างๆ เพื่อรับประกันว่า "จะไม่ปล่อยให้เหลือพื้นที่ว่างอันเปล่าประโยชน์แม้แต่ที่ว่างเดียว"

อย่างไรก็ตาม กลับมีรายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เที่ยวบินอพยพหลายเที่ยวบินออกจากอัฟกานิสถานด้วยมีคนที่อยู่บนเครื่องบินแค่เล็กน้อย ในขณะที่ยังมีชาวต่างชาติและชาวบ้านท้องถิ่นอีกหลายพันคนที่พยายามดิ้นรนหลบหนีออกจากกรุงคาบูล ท่ามกลางความหวั่นกลัวว่าจะถูกตามประหัตประหารภายใต้รัฐบาลใหม่

อีกหนึ่งกรณีช็อก มีรายงานว่าเครื่องบินแอร์บัส A-400M ของเยอรมนี ซึ่งมีที่ว่างรองรับผู้โดยสารมากกว่า 150 คน บินออกจากกรุงคาบูล พร้อมกับคนที่อยู่บนเครื่องแค่ 7 ราย และแม้เที่ยวบินต่างๆ ของสหราชอาณาจักรจะบรรทุกคนออกมามากกว่าอย่างมาก แต่จากการวิเคราะห์ตัวเลขแล้ว ทางสำนักข่าวเดลิเมลเชื่อว่าในบางเที่ยวบินก็น่าจะเหลือที่ว่างบรรทุกคนออกมาได้มากกว่านี้

คณะรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักรบอกว่าเที่ยวบินอพยพเที่ยวสุดท้ายอาจเดินทางออกจากกรุงคาบูลในอีก 5 วันข้างหน้า ก่อนถึงเส้นตายทหารสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากอัฟกานิสถานทั้งหมด และด้วยกรอบเวลาอันเร่งรีบอาจทำให้มีชาวสหราชอาณาจักรและอัฟกานิสถานจำนวนมากถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง

แหล่งข่าวในรัฐบาลระบุคณะรัฐมนตรีไม่ห็นด้วยกับกรอบเวลาของการยุติปฏิบัติการอพยพหรือถอนทหาร และอยากให้ขยายเวลาให้นานกว่านี้ เพื่อการอพยพจะได้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ดีกว่าต้องเร่งรีบตลอด 24 ชั่วโมงดังเช่นปัจจุบัน

ชาวตะวันตกและผู้ถือครองวีซ่าที่พยายามไปขึ้นเครื่องบิน เปิดเผยว่าพวกเขาไม่สามารถไปถึงประตูสนามบินได้ เนื่องจากมีฝูงชนชาวบ้านท้องถิ่นแออัดอยู่บริเวณด้านนอกของสนามบินหลายหมื่นคน ร้องขออ้อนวอนทหารสหรัฐฯ และอังกฤษปล่อยให้พวกเขาเข้าไปภายใน

ทหารสหรัฐฯ ถึงขั้นต้องยิงเตือนเพื่อสลายชาวอัฟกันผู้สิ้นหวังหลายหมื่นคนบริเวนด้านนอกสนามบิน ในภาพที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์เมื่อวันพุธที่แล้ว (18 ส.ค.) พบเห็นระเบิดแสงปลิวว่อนข้างๆ รั้ว โดยชาวต่างชาติที่พยายามผ่านประตูเข้าไปภายในอ้างว่ากองกำลังตะวันตกเป็นคนยิงระเบิดแสงเหล่านั้นออกมา

ส่วนบริเวณทางเข้าหลัก พบเห็นพวกนักรบตอลิบานกราดยิงขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นระยะๆ ในความพยายามสลายฝูงชน

(ที่มา : เดลิเมล/นิวยอร์กโพสต์)


กำลังโหลดความคิดเห็น