ประเทศจีนรายงานในวันจันทร์ (23 ส.ค.) ว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ไม่พบเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ซึ่งเกิดจากการติดต่อภายในจีนเองแม้แต่รายเดียว นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา และเป็นสัญญาณว่าการระบาดระลอกปัจจุบันในแดนมังกรน่าจะกำลังสิ้นฤทธิ์ลงไป จากการที่ปักกิ่งยืนยันยุทธศาสตร์สู้ไวรัสแบบ “ความอดกลั้นเท่ากับศูนย์” โดยใช้มาตรการคุมเข้มตลอดทั่วประเทศ
มีผู้ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อเป็นจำนวนกว่า 1,200 คน ในการระบาดระลอกนี้ ซึ่งพวกเจ้าหน้าที่ระบุว่า ส่วนใหญ่เป็นการติดไวรัสตัวกลายพันธุ์ “เดลตา” ที่สามารถติดต่อแพร่กระจายเชื้อออกไปได้สูง โดยที่ต้นตอเป็นผู้โดยสารเครื่องบินชาวต่างประเทศ และทำให้เกิดกลุ่มคลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อขึ้นในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ที่เมืองหนานจิง (นานกิง) เมืองเอกของมณฑลเจ้อเจียง ทางภาคตะวันออกของจีน
ไม่มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตในการระบาดระลอกนี้ แต่ก็กระตุ้นให้พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบทั่วทั้งประเทศบังคับใช้มาตรการต่อสู้โรคระบาดอันเข้มงวดกวดขัน เป็นต้นว่า การตรวจหาเชื้อในหมู่ประชาชนเป็นจำนวนหลายล้านคน เพื่อระบุตัวผู้ที่เป็นพาหะนำเชื้อ และแยกออกไปกักกันโรค และการจำกัดการเดินทางในหลายๆ ระดับความเข้มข้น พวกนักเศรษฐศาสตร์บอกว่า คาดหมายจะได้เห็นมาตรการเหล่านี้ลดทอนอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิ้จของแดนมังกรในช่วงไตรมาส 3 (ก.ค.-ก.ย.) ปีนี้
หลังจากที่การระบาดขึ้นไปถึงจุดสูงสุดตอนต้นเดือนสิงหาคมนี้แล้ว เคสผู้ติดเชื้อในท้องถิ่นรายวันก็ได้ลดลงมาในทั่วประเทศจีน จนอยู่ในระดับตัวเลขตัวเดียวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบยังได้ยกเลิกการล็อกดาวน์ที่ใช้อยู่ในบางเขตของกรุงปักกิ่ง รวมทั้งในเมืองอย่าง อู่ฮั่น และจิงเหมิน ในมณฑลหูเป่ย ทางภาคกลางของประเทศ หลังจากที่เมืองเหล่านี้สั่งปิดบางพื้นที่เพื่อควบคุมไวรัสให้อยู่หมัด ด้านมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ก็อนุญาตให้พวกสำนักงานท่องเที่ยวจัดทัวร์ไปนอกมณฑลกันอีกครั้งหนึ่ง เพียงแต่สั่งห้ามไม่ให้จัดไปยังพวกสถานที่ซึ่งยังดูเหมือนมีความเสี่ยงอยู่
ตรงกันข้ามกับที่เซี่ยงไฮ้ ซึ่งยังคงสั่งกักกันโรคผู้คนหลายร้อยคนช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังมีรายงานว่าเกิดผู้ติดเชื้อรายใหม่ๆ อยู่บ้าง จนจุดชนวนความวิตกขึ้นมาว่าจะมีการระบาดใหม่ขึ้นในนครใหญ่ที่สุดของจีนแห่งนี้ ทว่า เซี่ยงไฮ้ก็เป็นอีกพื้นที่หนึ่งซึ่งรายงานว่าไม่พบผู้ติดเชื้อในท้องถิ่นรายใหม่เลยในวันที่ 22 ส.ค.
คาดจีนยังไม่เปลี่ยนยุทธศาสตร์ “ความอดกลั้นเท่ากับศูนย์”
พวกผู้เชี่ยวชาญต่างไม่คาดหมายว่า จีนจะเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์การสู้รบกับโควิด-19 แบบมุ่งกำจัดให้สิ้นซาก หรือที่เรียกว่า “ความอดกลั้นเท่ากับศูนย์” อย่างน้อยก็ในอนาคตอันใกล้นี้ ถึงแม้การติดเชื้อในท้องถิ่นที่เกิดขึ้นในระยะหลังๆ มักมีเคสเพียงหยิบมือเดียวก็ตามที
“ถึงแม้นโยบายปัจจุบันของจีนมีลักษณะเด่นตรงที่มีการสะดุดติดขัด (ของการใช้ชีวิตอย่างปกติ) ในระดับสูง เช่นเดียวกับเรื่องค่าใช้จ่าย แต่ก็ได้มีการสร้างพวกมาตรการอันมีประสิทธิภาพขึ้นมาชุดหนึ่งแล้ว ซึ่งผมไม่คิดว่าจะถูกทอดทิ้งไปอย่างง่ายๆ” เป็นความเห็นของ เฉิน เซิงหมิง อาจารย์ด้านระบาดวิทยา แห่งมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด
“การตรวจตราที่ด่านศุลกากร การกักกันโรค การปลุกระดมมวลชนตามชุมชนต่างๆ การตรวจหาเชื้อในหมู่มวลชนรอบหนึ่ง สองรอบ แล้วก็สามรอบ จีนน่ะมีความเคยชินกับเรื่องอย่างนี้ไปแล้ว” เฉินบอก
“ประชาชนสามัญธรรมดาโดยพื้นฐานแล้วคุ้นเคยกับมาตรการพวกนี้ และไม่ออกมาบ่นอะไรมากมายเกินไป แล้วประสิทธิภาพของมันก็เป็นสิ่งที่มองเห็นได้ จำนวนเคสในช่วงหลังๆ มานี้ได้ลดน้อยลงอย่างสำคัญทีเดียว” เขากล่าวต่อ ถึงแม้ยังแสดงความสงสัยว่าจีนจะยังสามารถแบกรับความสูญเสียจากการบังคับใช้มาตรการเช่นนี้กันเป็นระยะยาวได้หรือไม่
ในอีกด้านหนึ่ง พวกผู้เชี่ยวชาญสาธารณสุขในจีนยังกำลังพยายามเพิ่มพูนความเชื่อมั่นของประชาชนในเรื่องการฉีดวัคซีน โดยที่ จง หนานซาน นักไวรัสวิทยาชั้นนำของประเทศออกมากล่าวว่า “ภูมิคุ้มกันหมู่อย่างมีประสิทธิภาพ” กำลังเป็นสิ่งที่มองเห็นกันได้แล้ว ในทันทีที่มีผู้ฉีดวัคซีนในระดับมากกว่า 80% ของประชากร ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เห็นกันว่าน่าจะไปถึงภายในสิ้นปีนี้
เขาย้ำว่า พวกวัคซีนของจีนมีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับเดลตา ในระดับเกือบๆ 60% ทีเดียว ยิ่งเมื่อฉีดวัคซีนเข้มกระตุ้นเพิ่มด้วยแล้ว ภูมิคุ้มกันในร่างกายก็ขึ้นสูงไปอีก
ตามตัวเลขของทางการจีน จนถึงวันเสาร์ (21 ส.ค.) ที่ผ่านมา จีนฉีดวัคซีนให้ผู้คนในประเทศไปแล้วเกือบๆ 1,940 ล้านโดส ทว่าไม่มีการแยกแยะตัวเลขให้ชัดเจนว่า ผู้ที่ฉีดครบ 2 โดสแล้วมีจำนวนเท่าใด และยังฉีดเข็มแรกเท่านั้นมีจำนวนเท่าใด
พวกเจ้าหน้าที่จีนยังกำลังใช้วิทยาการไฮเทค อย่าง บิ๊กดาต้า เพื่อ “ระบุพื้นที่เสี่ยงต่างๆ ออกมาได้อย่างรวดเร็ว” แยกกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงภายในพื้นที่ซึ่งมีผู้คนหนาแน่น และแบ่งปันข้อมูลข่าวสารกันอย่างรวดเร็วในระหว่างภูมิภาคต่างๆ เกา กวงหมิง แห่งคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวเมื่อไม่นานมานี้
ไม่เพียงเท่าน้น ปักกิ่งยังลงโทษพวกเจ้าหน้าที่ไปหลายสิบคน ในข้อหาจัดการกับการระบาดในท้องถิ่นของพวกตนอย่างผิดพลาด
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)