มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 227 ราย บาดเจ็บและสูญหายหลายร้อยคน หลังเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงสั่นสะเทือนทางตะวันตกเฉียงใต้ของเฮติเมื่อวันเสาร์ (14 ส.ค.) ทำโบสถ์ โรงแรม และบ้านเรือนประชาชนเหลือแต่ซากในโศกนาฏกรรมเลวร้ายครั้งนี้
แผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 7.2 ตามด้วยอาฟเตอร์ช็อกหลายระลอก มีศูนย์กลางห่างจากเมืองเปตี ตรู เดอ นิปเปส เพียงแค่ 8 กิโลเมตร ลึกลงไปใต้ดิน 10 กิโลเมตร จากการเปิดเผยของสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) ขณะที่เมืองแห่งนี้อยู่ห่างจากกรุงปอร์โตแปรงซ์ ไปทางตะวันตกราว 150 กิโลเมตร
แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวสามารถสัมผัสได้ไกลถึงคิวบา และจาไมกา โดยมันมีขนาดรุนแรงกว่าและตื้นกว่าแผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 7.0 เมื่อ 11 ปีก่อน ซึ่งคราวนั้นคร่าชีวิตในประเทศที่ยากที่จนที่สุดของทวีปอเมริกาแห่งนี้ไปหลายหมื่นคน
ในแผ่นดินไหวหนล่าสุด ซึ่งกิดขึ้นตอน 8.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น เกิดขึ้นห่างจากเมืองหลวงมากกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม แม้ในกรุงปอร์โตแปรงซ์จะสามารถสัมผัสแรงสั่นสะเทือนได้อย่างรุนแรง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ก่อความเสียหายร้านแรงใดๆ ในเมืองหลวง รอยเตอร์อ้างผู้เห็นเหตุการณ์
แต่กระนั้นหน่วยพิทักษ์พลเรือนของเฮติเปิดเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตเบื้องต้นอยู่ที่ 227 รายและนายกรัฐมนตรีอาเรียล อองรี ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 1 เดือน
เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า เมืองเลสคาเยส เมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุด พบเห็นอาคารหลายหลังพังถล่มหรือไม่ก็ได้รับความเสียหายร้ายแรง นอกจากนี้แล้ว น้ำยังท่วมเมืองริมฝั่งแห่งนี้ซึ่งมีประชากรราว 126,000 คนช่วงสั้นๆ อย่างไรก็ตาม เวลานี้ระดับน้ำได้ลดลงแล้ว
น้ำที่จู่ๆ ก็ท่วมเมืองแห่งนี้ก่อความตื่นตระหนกเพิ่มเติมท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสึนามิ และสื่อมวลชนท้องถิ่นหลายสำนักรายงานว่าผู้คนบางส่วนที่อยู่ตามริมฝั่งพากันหลบหนีขึ้นไปบนภูเขา
ศูนย์เตือนภัยสึนามิแปซิฟิกออกประกาศเตือนสึนามีหลังเกิดแผ่นดินไหว แต่ได้ยกเลิกประกาศเตือนภัยไม่นานหลังจากนั้น
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ส่งการให้สหรัฐฯ ตอบสนองต่อแผ่นดินไหวครั้งนี้ในทันที และแต่งตั้ง ซาแมนธา พาวเวอร์ ผู้อำนวยการองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ เป็นผู้ประสานงานความช่วยเหลือ
แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นเพียง 1 เดือนหลังเหตุลอบสังหารประธานาธิบดีโจเวเนล มอยส์ ซึ่งปกครองประเทศโดยกฤษฎีกาฉุกเฉิน ท่ามกลางสถานการณ์ความยุ่งเหยิงทางการเมือง
ขณะเดียวกัน ผู้คนจำนวนมากในเฮติกำลังเผชิญกับภาวะหิวโหยหนักหน่วงขึ้นและบริการด้านสาธารณสุขล้นทะลักไปด้วยคนไข้โควิด-19 นอกจากนี้ ถนนที่เข้าถึงภูมิภาคทางใต้ จุดที่เกิดแผ่นดินไหวก็ถูกจำกัดโดยแก๊งต่างๆ ที่ควบคุมพื้นที่สำคัญๆ ก่อข้อสงสัยว่าปฏิบัติการมอบความช่วยเหลือจะดำเนินการอย่างไร
เมื่อไม่นานที่ผ่านมา ภูมิภาคแถบนี้เพิ่งฟื้นตัวจากภัยพิบัติเฮอร์ริเคนแมตธิวที่ซัดถล่มเมื่อปี 2016 คร่าชีวิตผู้คนหลายร้อยและก่อความเสียหายอย่างกว้างขวาง และเวลานี้เฮติกำลังจับตาเส้นทางของพายุโซนร้อนเกรซ ที่อาจนำมาซึ่งฝนตกหนักในช่วงต้นสัปดาห์หน้า
ในกรุงปอร์โตแปรงซ์ ชาวบ้านที่ยังคงมีความทรงจำเลวร้ายจากแผ่นดินไหวปี 2010 ต่างส่งเสียงกรีดร้องรุดลงไปอยู่บนท้องถนน และปักหลักอยู่บนถนนท่ามกลางอฟเตอร์ช็อกที่เขย่าไม่หยุด "ในชุมชนของฉัน ฉันได้ยินคนกรีดร้อง พวกเขาวิ่งวุ่นอยู่ข้างนอก" ชาวบ้านคนหนึ่งเล่า "อย่างน้อยๆ พวกเขาก็รู้ว่าควรออกไปข้างนอก ผู้คนยังอยู่บนท้องถนน ผิดกับปี 2010 พวกเขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร"
แผ่นดินไหวครั้งนี้ก่อแรงสั่นสะเทือนสัมผัสได้ไกลถึงคิวบาและจาไมกา แต่ทั้ง 2 ประเทศ ไม่มีรายงานความเสียหายสำคัญๆ ผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ "ทุกคนกลัวกันมาก หลายปีมาแล้วที่เคยเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ลักษณะเช่นนี้" ดาเนียบ รอสส์ ชาวบ้านในเมืองกวนตานาโม ทางตะวันออกของคิวบาระบุ
(ที่มา : รอยเตอร์)