สำนักข่าวเอ็นบีซี สื่อมวลชนอเมริการายงานในวันพุธ (18 ส.ค.) คาดหมายว่าเร็วๆ นี้สำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) จะอนุมติฉีดวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์ อิงค์และโมเดอร์นา เข็มที่ 3 สำหรับกลุ่มบุคคลที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
เอ็นบีซีคาดหมายว่า ความเคลื่อนไหวนี้จะเกิดขึ้นหลังจากคณะที่ปรึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) พบปะกันในวันศุกร์ (13 ส.ค.) ซึ่งที่ประชุมอาจเรียกร้องให้ดำเนินการฉีดวัคซีนเพิ่มแก่ประชากรวัยผู้ใหญ่ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
บรรดาแพทย์ต่างระบุว่า มีความชัดเจนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่คนไข้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง ยังคงอ่อนแอต่อโควิด-19 แม้ฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม เนื่องจากวัคซีนอาจก่อการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
จากข้อมูลของซีดีซี ประมาณการราว 2.7% ของประชากรวัยผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ากลุ่มไหนบ้างจะอยู่ภายใต้คำอนุมัติของเอฟดีเอ โดยคนไข้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอนั้น มีทั้งผู้ที่ได้รับการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ คนที่กำลังรักษาโรคมะเร็ง และกลุ่มคนที่ติดเชื้อเอชไอวี รวมถึงอื่นๆ
ยกตัวอย่างเช่นบุคคลที่ได้รับการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ ซึ่งต้องรับยากดภูมิคุ้มกันเพื่อไม่ให้ร่างกายปฏิเสธอวัยวะใหม่ จากการศึกษากลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งพบว่า ส่วนใหญ่ของคนไข้เหล่านี้ไม่พัฒนาแอนติบอดีต่อต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หลังรับวัคซีน ส่วนที่เหลือพัฒนาแอนติบอดีในระดับต่ำ
ในผลการศึกษาดังกล่าวที่ดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮ็อปกินส์ พบด้วยว่าการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ช่วยเพิ่มระดับแอนติบอดีให้แก่คนเหล่านั้น
การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับบุคคลที่มีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันไม่ค่อยดีหลังฉีดวัคซีน 2 เข็มแรก ในขณะที่แพทย์แนะนำกลุ่มคนดังกล่าวให้ยังคงเว้นระยะห่างทางสังคม และสวมหน้ากาก แม้ฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม
สำนักข่าวเอ็นบีซีระบุว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ยังเป็นการอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉิน ไม่ใช่การอนุมัติเต็มรูปแบบ เนื่องจากในบุคคลที่มีสุขภาพแข็งแรง วัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นาแสดงถึงประสิทธิภาพระดับสูงในการป้องกันการติดเชื้ออาการหนักถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและเสียชีวิต
(ที่มา : เอ็นบีซี)