รอยเตอร์ - สถาบันเซรุมวิทยาเดนมาร์ก SSI แถลงวันนี้ (2 ส.ค.) ว่า หลังจากพลเมืองเดนมาร์กกว่าแสนคน ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่การแพทย์ และผู้สูงอายุทดลองฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าโดสแรกและวัคซีนไฟเซอร์ หรือวัคซีนโมเดอร์นาเข็มที่ 2 พบว่า มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 ได้ถึง 88% เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (2 ส.ค.) ว่า มีจำนวนประเทศเพิ่มมากขึ้นที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้วัคซีนเข็มที่ 2 ยี่ห้ออื่นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพวัคซีนสู้กับไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ ขณะที่เดนมาร์กหยุดการแจกวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นการชั่วคราวเมื่อเมษายนเนื่องมาจากปัญหาผลข้างเคียงลิ่มเลือดอุดตันที่หายาก
มีพลเมืองเดนมาร์กไม่ต่ำกว่า 144,000 คน ที่ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่การแพทย์แนวหน้าและผู้สูงอายุได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเข็มแรก และหลังจากนั้นคนเหล่านี้ได้รับวัคซีน mRNA ที่อาจจะเป็นวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทค หรือวัคซีนโมเดอร์นาเป็นเข็มที่ 2
สถาบันเซรุมวิทยาเดนมาร์ก SSI (State Serum Institute) แถลงว่า “การศึกษาพบว่า 14 วันหลังจากได้รับโครงการฉีดวัคซีนแบบสลับยี่ห้อแล้วความเสี่ยงต่อไวรัสโควิด-19 (SARS-CoV-2) ลดลงไป 88% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน”
สถาบันระบุว่า นี่ถือว่ามีประสิทธิภาพสูงเมื่อเปรียบเทียบกับการฉีด 2 โดสของวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคที่มีประสิทธิภาพราว 90% ที่ได้รับการยืนยันจากการศึกษาอื่นของเดนมาร์ก
ทั้งนี้ การศึกษาที่ถูกเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นครอบคลุมระยะเวลาการศึกษา 5 เดือนช่วงระหว่างกุมภาพันธ์และมิถุนายนของปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไวรัสอัลฟาที่พบครั้งแรกในอังกฤษกำลังระบาดพอดี
แต่การศึกษาใหม่นี้ไม่สามารถสรุปได้ว่าการสลับยี่ห้อวัคซีนเช่นนี้จะมีประสิทธิภาพสูงเช่นเดียวกันเมื่อต้องพบกับไวรัสเดลตาที่กำลังระบาดสูงสุดอยู่ในเดนมาร์กปัจจุบัน
นอกจากนี้ ยังไม่มีการแสดงข้อมูลประสิทธิภาพต่อโควิด-19 ที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิต หรือการรักษาพยาบาลเนื่องมาจากยังไม่เคยเกิดขึ้นในช่วงระหว่างการทดลองฉีดวัคซีนแบบสลับ 2 ยี่ห้อ