เวียดนามเริ่มล็อกดาวน์ประชากร 8 ล้านคนในกรุงฮานอยวันนี้ (24 ก.ค.) เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันใกล้แตะหลักหมื่น ขณะที่ประชากร 1 ใน 3 ของประเทศก็ต้องอยู่ภายใต้คำสั่งเก็บตัวอยู่บ้าน
เวียดนามพบผู้ติดเชื้อใหม่ 7,307 คนทั่วประเทศเมื่อวันศุกร์ (23 ก.ค.) ทำสถิติสูงสุดเป็นครั้งที่ 3 ในรอบสัปดาห์ ขณะที่ยอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 81,678 คน และมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 แล้วอย่างน้อย 370 คน
คำสั่งล็อกดาวน์ซึ่งเริ่มมีผลบังคับหลังเที่ยงคืนที่ผ่านมาทำให้เมืองหลวงเวียดนามในวันนี้เงียบเหงาผิดหูผิดตา เนื่องจากห้างร้านต่างๆ ปิดตัวลงชั่วคราว แต่ยังคงมีประชาชนออกมาเดินตามท้องถนนอยู่บ้างในแถบชานเมือง
“ผมคิดว่าคนฮานอยเห็นด้วยกับการตัดสินใจล็อกดาวน์เมือง” Nguyen Van Chien ชาวกรุงฮานอยคนหนึ่งให้ความเห็น “เราจำเป็นต้องยอมเสี่ยงสูญเสียทางเศรษฐกิจบ้าง เพื่อเอาชนะโรคระบาดนี้”
รัฐบาลเวียดนามเคยประสบความสำเร็จในการควบคุมโควิด-19 ให้อยู่ในวงจำกัดเมื่อปีที่แล้ว แต่ล่าสุด ตัวเลขผู้ติดเชื้อกลับมาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย.
เวลานี้มีประชากรเวียดนามราว 1 ใน 3 จากทั้งหมด 100 ล้านคนที่อยู่ภายใต้คำสั่งล็อกดาวน์
สถานการณ์โควิด-19 ค่อนข้างน่ากังวลเป็นพิเศษที่นครโฮจิมินห์ซิตี เมืองศูนย์กลางพาณิชย์ทางตอนใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พบคนติดเชื้อมากที่สุด โดยเมื่อวานนี้ (23) ทางการได้สั่งขยายเวลาล็อกดาวน์ออกไปอีกจนถึงวันที่ 1 ส.ค. และยังเริ่มทำการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทั่วเมือง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์
เวียดนามเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่เศรษฐกิจยังเติบโตได้ในช่วงปีที่ผ่านมา เนื่องจากรัฐสามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในระลอกแรกได้ดี
อย่างไรก็ตาม เวียดนามเผชิญปัญหาด้านความล่าช้าในการจัดหาและกระจายวัคซีนโควิด-19 โดยจนถึงขณะนี้เพิ่งจะฉีดวัคซีนไปได้แค่ราวๆ 4.5 ล้านโดส
รัฐบาลเวียดนามมีโครงการวิจัยวัคซีนโควิด-19 ของตนเอง และเคยประกาศตั้งเป้าหมายสร้าง “ภูมิคุ้มกันหมู่” ภายในต้นปี 2022
ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์