วิลเลียม เบิร์นส ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ระบุวานนี้ (22 ก.ค.) ว่า มีเจ้าหน้าที่อเมริกันราว 200 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ของซีไอเอและสมาชิกในครอบครัวประมาณ 100 คน เกิดภาวะ “ฮาวานา ซินโดรม” ซึ่งหมายถึงโรคปริศนาที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการปวดศีรษะและมึนงงโดยไม่ทราบสาเหตุ
ในการให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุแห่งชาติสหรัฐฯ (NPR) ครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง ผอ.ซีไอเอ เมื่อเดือน มี.ค. เบิร์นส ยืนยันว่า ซีไอเอกำลังเร่งสืบสวนเพื่อหาต้นตอของอาการป่วยนี้ และตนยังได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่อาวุโสซึ่งมีส่วนร่วมในปฏิบัติการล่าหัว “อุซามะห์ บินลาดิน” อดีตผู้นำอัลกออิดะห์ เป็นหัวหน้าทีมสืบสวน รวมถึงเพิ่มจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ในทีมเป็น 3 เท่าตัว
ซีไอเอยังลดระยะเวลาที่บุคลากรซึ่งล้มป่วยจะต้องรอแอดมิดเข้าโรงพยาบาลทหารแห่งชาติวอลเตอร์รีด จาก 8 สัปดาห์ เหลือเพียง 2 สัปดาห์
“ผมเชื่อว่าผู้นำทุกคนย่อมมีพันธกิจที่จะต้องดูแลสวัสดิภาพของผู้ใต้บังคับบัญชา และนั่นคือสิ่งที่ผมจะทำ” เบิร์นส ระบุ
ผู้ที่มีภาวะ “ฮาวานา ซินโดรม” จะเกิดอาการมึนงง อาเจียน ปวดศีรษะไมเกรน และความจำสับสน เป็นต้น โดยบุคลากรทางการทูตซึ่งประจำการอยู่ที่สถานทูตสหรัฐฯ ประจำคิวบาเมื่อปี 2016 เป็นคนกลุ่มแรกๆ ที่มีอาการป่วยเช่นนี้
เมื่อเดือน ธ.ค. คณะทำงานของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐฯ (U.S.National Academy of Sciences) ได้เสนอทฤษฎีที่มีความเป็นไปได้ว่า โรคนี้อาจมีสาเหตุจาก “คลื่นพลังงานรบกวน” บางอย่างที่ส่งผลต่อระบบประสาท
เบิร์นส ชี้ว่า “มีความเป็นไปได้สูงมาก” ที่ภาวะ “ฮาวานา ซินโดรม” จะเกิดจากฝีมือของมนุษย์ และตนเชื่อว่า “รัสเซีย” อาจอยู่เบื้องหลัง ทว่ายังไม่ขอเปิดเผยข้อสรุปต่างๆ จนกว่ากระบวนการสอบสวนจะสิ้นสุด
รัฐบาลรัสเซียยืนกรานว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ที่มา : รอยเตอร์