ปฏิกิริยาดั่งระเบิดเปรี้ยงปร้างปรากฏขึ้นในทั่วทุกทวีป เมื่อเจ้าชายแฮร์รี พระโอรสองค์น้องของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารแห่งสหราชอาณาจักรอังกฤษ ประกาศว่าทรงอยู่ระหว่างสร้างผลงานประพันธ์ ซึ่งเอพีพร้อมสำนักข่าวอื่นๆ และบรรดาสื่อมวลชนใหญ่น้อยทั่วโลกรายงานว่าสำนักพิมพ์เพนกวิน แรนดอม เฮาส์ ที่ดีลอยู่กับเจ้าชายแฮร์รี เรียกงานประพันธ์นี้ว่า บันทึกความทรงจำที่เปิดชีวิตส่วนพระองค์อย่างลึกซึ้งและจับใจ แต่สาธารณชนตั้งตาคอยว่าจะมีการแชร์ประสบการณ์ที่จะแฉความลับอะไรใหม่ๆ อีกบ้างเกี่ยวกับพระญาติพระวงศ์แห่งราชตระกูลอังกฤษ
“ขณะที่คุณคิดว่าคงจะไม่มีดรามาราชวงศ์มุขใหม่ๆ ผุดขึ้นมาอีก เจ้าชายแฮร์รีได้ออกมาประกาศให้ทราบถึงความเคลื่อนไหวทางอาชีพการงานรายการใหม่ของพระองค์ และข่าวนี้ถูกอัดโครมว่าเป็น ‘เรื่องตลก’ ” เดอะ เฮอรัลด์ ซัน หนังสือพิมพ์จอมป๋อปปูลาร์แห่งแดนจิงโจ้ ของค่ายนิวส์ คอร์ป ออสเตรเลีย เครือสื่อมวลชนใหญ่ยักษ์โลก นำเสนออย่างนั้น
พร้อมนี้ เดอะ เฮอรัลด์ ซัน รายงานว่า เพียร์ส มอร์แกน (หนึ่งในน้กวิจารณ์คนดังที่ประชาชนทั่วเกาะอังกฤษรู้จัก-รู้เบอร์ปากกันดี ที่หมั่นวิพากษ์ราชวงศ์อย่างถึงพริกถึงขิง) ได้ขนานนามโครงการเขียนหนังสือความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รี ซึ่งจะวางแผงปลายปี 2022 ว่าเป็น “เรื่องตลกที่ ย.ม.” (f***ing joke) หรือก็คือเรื่องตลกที่แย่มากนั่นเอง
ทั้งนี้ เพียร์ส มอร์แกนเขียนทวิตด้วยว่าเจ้าชายแฮร์รีพร้อมจะเขียนหนังสือเล่าเรื่องราวของพระองค์แล้วหรือ เจ้าชายผู้หวงแหนความเป็นส่วนตัว (Prince Privacy) ไม่เคยหยุดเจื้อยแจ้วเลย ไม่เคยหยุดครวญคราง อีกทั้งไม่เคยหยุดโจมตีครอบครัวของพระองค์มาตลอดทั้งปี
ผมเขียนเรื่องนี้มิใช่ในสถานะเจ้าชายที่ผมเกิดมา
“ผมเขียนเรื่องนี้มิใช่ในสถานะเจ้าชายที่ผมเกิดมา แต่ผมเขียนในสถานะที่ผมได้เปลี่ยนแปลงมาเป็นตัวผมในปัจจุบัน” ดยุกแห่งซัสเซกซ์ ณ วัย 36 กะรัต เขียนในคำแถลงลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2021
“ผมสวมหมวกมาแล้วมากมายในหลายปีที่ผ่านมา ทั้งในตำแหน่งแท้จริงและในทางอุปมา และความหวังของผมมีอยู่ว่าในการเล่าเรื่องราวของผม - ทั้งในช่วงที่สูงส่งและตกต่ำ ทั้งในความผิดพลาด และทั้งในด้านบทเรียนที่ได้รับ - ผมจะสามารถแสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าเรานั้นมาจากที่ใด เรามีสิ่งที่ร่วมกันมากมายกว่าที่เราคิด ผมรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งที่มีโอกาสจะแชร์สิ่งที่ผมได้เรียนรู้มาตลอดช่วงชีวิต และผมตื่นเต้นที่ผู้คนจะมาอ่านเรื่องราวแห่งชีวิตผมที่ผมเล่าด้วยตนเอง ซึ่งถูกต้องและล้วนเป็นความจริง”
คำแถลงฉบับนี้ออกมาในห้วงเวลาที่ความสัมพันธ์ตึงเครียดระหว่างเจ้าชายแฮร์รีและราชตระกูลอังกฤษยังไม่คลี่คลาย โดยเมื่อ 4 เดือนก่อนหน้าคำแถลงนี้ เจ้าชายแฮร์รีและพระชายาเมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ประทานสัมภาษณ์พิเศษแก่ โอปราห์ วินฟรีย์ พิธีกรคนดังแห่งรายการโทรทัศน์ โอปราห์ วินฟรีย์ โชว์ ในสังกัดสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส และกลายเป็นระเบิดลูกโตที่สร้างวิกฤตครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษให้แก่ราชตระกูลอังกฤษ
เทปสัมภาษณ์ความยาว 2 ชั่วโมงดังกล่าว ออกอากาศเป็นที่ฮือฮาไปทั่วโลก โดยสหรัฐอเมริกามีผู้รับชมมากกว่า 17 ล้านคน และในอังกฤษอีกกว่า 11 ล้านคน เพราะมีการแชร์ให้ท่านผู้ชมทราบถึงประสบการณ์ความอึดอัดคับข้องใจนานัปการที่ทั้งสองเผชิญขณะใช้ชีวิตอยู่ในราชตระกูลอังกฤษ เช่น
ประเด็นพระชายาเมแกนถูกรังแก และประเด็นเหยียดผิว ซึ่งทั้งสองเล่าว่า มีสมาชิกราชวงศ์ระดับอาวุโสเอ่ยถึงสีผิวของบุตรในครรภ์เมแกน เพราะคุณแม่ของเมแกนเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน ไปถึงประเด็นความสัมพันธ์ตึงเครียดระหว่างเจ้าชายแฮร์รีกับพระบิดา ตลอดจนสาเหตุที่ทั้งสองขอยุติบทบาทในฐานะพระราชวงศ์ชั้นสูงและการตัดสินใจที่ฮือฮาขั้นสุด คือ การตัดสินใจวอล์กเอาท์และย้ายไปตั้งหลักปักฐานในสหรัฐฯ
ในครั้งนั้น เจ้าชายแฮร์รีทรงแชร์ให้ชาวโลกได้ทราบว่าในเวลาที่พระมารดา คือ ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ หย่าขาดกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และต่อมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์นั้น ความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์กับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ย่ำแย่ โดยมีเรื่องปวดหัวใจมากมายเกิดขึ้น
“เดลีเมล์” เรียกหนังสือบันทึกความทรงจำแห่ง Megxit
ขณะที่หนังสือบันทึกความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รียังไม่มีการตั้งชื่อ เพนกวิน แรนดอมเฮาส์ เผยโครงเรื่องว่าจะครอบคลุมช่วงชีวิตตั้งแต่วัยเด็กมาจนถึงปัจจุบัน และความสุขที่ได้สัมผัสในการเป็นสามีและพ่อ ซึ่งก็คือช่วงที่แต่งงานและมีความไม่ราบรื่นกับราชตระกูล จนถึงช่วงที่เจ้าชายแฮร์รีและพระชายาเมแกนประกาศโยกย้ายครอบครัวออกจากประเทศอังกฤษ เพื่อไปตั้งปักหลักอยู่ในสหรัฐฯ นั้น หนังสือพิมพ์เดลีเมล์ สื่อมวลชนที่โด่งดังและมียอดขายติดระดับสูงสุดของอังกฤษได้ขนานนามหนังสือเล่มนี้ว่า บันทึกความทรงจำแห่ง Megxit พร้อมกับรายงานความเห็นจากผู้สันทัดกรณีว่า หนังสือบันทึกความทรงจำเล่มนี้เป็น...
“หนังสือโดยแฮร์รี เขียนโดยเมแกน”
คำว่า Megxit เป็นชื่อเรียกเหตุการณ์ที่เจ้าชายแฮร์รีและพระชายาเมแกนประกาศวอล์กเอาต์จากประเทศอังกฤษนั่นเอง โดยสร้างคำขึ้นจากชื่อของพระชายา Megan บวกกับคำว่า Exit ในลักษณะเดียวกับการสร้างคำว่า Brexit ที่ประเทศอังกฤษ Britain ตัดสินใจถอนตัวจากสหภาพยุโรป
พร้อมนี้ เดลีเมล์ให้ข้อมูลว่า
- เจ้าชายแฮร์รีซุ่มผลิตต้นฉบับหนังสือเล่มนี้มานานเกือบปีแล้ว และได้ขายลิขสิทธิ์การจัดพิมพ์และจัดจำหน่ายทั่วโลกให้แก่เพนกวิน แรนดอม เฮาส์
- เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ประหลาดใจกับข่าวการประกาศโครงการหนังสือของพระโอรส แหล่งข่าวของเดลีเมล์ให้ข้อมูลอย่างนั้น ทั้งนี้เป็นเพราะมิเคยระแคะระคายเลยว่าพระโอรสกำลังเขียนบันทึกความทรงจำชีวิตส่วนพระองค์ซึ่งเกี่ยวพันอยู่ในราชตระกูลมาโดยตลอด
- เจ้าชายร่วมผลิตต้นฉบับด้วยกันกับนักเขียนมือทองระดับรางวัลพูลิตเซอร์ คือ เจ.อาร์. โมริงเกอร์
- ต้นฉบับร่างแรก ซึ่งยังไม่กำหนดชื่อเรื่อง เดินหน้ามามากมายแล้ว โดยคาดว่าจะเสร็จภายในเดือนตุลาคม
- สนนราคาค่าลิขสิทธิ์ยังไม่ถูกเปิดเผย โดยสำนักพิมพ์บอกว่าเจ้าชายแฮร์รีจะบริจาคกำไรให้แก่การกุศล
- กระนั้นก็ตาม แหล่งข่าวของเดลีเมล์ดอทคอมบอกว่า มีการมอบมัดจำแล้วเป็นเรือน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หนึ่งในบรรดาค่าลิขสิทธิ์สูงสุดตลอดกาล
- คนวงในของราชวงศ์อังกฤษกล่าวว่า “หนังสือโดยแฮร์รี เขียนโดยเมแกน”
นักวิจารณ์ตีความถึงแรงจูงใจของเจ้าชายแฮร์รี ซึ่งอาจเป็นเฟส 2 ของการเปิดข้อมูลลับของราชตระกูล
เจ้าชายแฮร์รีทรงมีทรัพย์สินร่ำรวยอยู่แล้ว อีกทั้งยังได้พูดถึงเรื่อง Megxit ไปแล้วอย่างยืดยาว พระองค์ประสงค์สิ่งใดกันแน่ในการที่จะออกหนังสือเจาะลึก เดลีเมล์บอกว่าบรรดานักวิจารณ์ราชวงศ์ตั้งกระทู้อย่างนั้น
เจ้าชายแฮร์รีพยายามจะไล่ผีร้ายด้วยหนังสือ เดลีเมล์บอกว่า ริชาร์ด ฟิตซ์วิลเลียมส์ ผู้เชี่ยวชาญระดับกูรูในด้านราชวงศ์อังกฤษ อธิบายไว้อย่างนั้น โดยบอกว่าแฮร์รีมักจะใช้การปรากฏตัวออกสื่อเป็นรูปแบบในการบำบัด
ฟิตซ์วิลเลียมส์ชี้ว่า เรื่องที่เจ้าชายแฮร์รีเขียนอยู่นั้นน่าจะส่งผลกระทบเปรี้ยงปร้าง และจะมีคนอ่านกันทั่วโลก ซึ่งนี่เป็นอะไรที่ราชวงศ์อังกฤษคงจะตระหนักอยู่
ปัญหาของเจ้านายแห่งซัสเซกส์อยู่ตรงที่ว่าทั้งสองหมั่นออกสื่อมาโดยตลอด เจ้าชายแฮร์รีมักจะได้เป็นข่าวพาดหัวตัวโตในสื่อเจ้าดังทั้งปวง เช่น รายการของโอปราห์ เจมส์ คอร์เดน เซเลบริตี พอดแคส แอปเปิลทีวี และเจ้าชายแฮร์รีมองว่าการปรากฏในสื่อเหล่านี้เป็นวิธีหนึ่งในการบำบัด
แต่จะอย่างไรก็ตาม หนังสือบันทึกความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รีจะเป็นแต้มต่อที่สำคัญหากทั้งสองมีความประสงค์สิ่งใดจากราชตระกูล กูรูฟิตซ์วิลเลียมส์ชี้ประเด็นไว้ พร้อมกับบอกว่าเจ้าชายแฮร์รีกำลังขับไล่ผีร้ายออกจากพระองค์ และทรงไม่ได้มองเลยว่ามันมีผลกระทบไปสร้างปัญหา
“พระองค์ยังคงอยู่ในอันดับที่ 6 ของโปเจียมแห่งการสืบราชบัลลังก์อังกฤษและดินแดนในเครือจักรภพอังกฤษ ซึ่งถือว่าเป็นสมาชิกพระราชวงศ์ที่สำคัญแม้จะไม่ได้ทรงงานราชกิจแล้ว พระองค์ต้องการให้ผู้คนเข้าใจว่าทรงกลายมาเป็นคนใหม่ได้อย่างไร” ฟิตซ์วิลเลียมส์กล่าวกับเดลีเมล์ พร้อมกับตั้งกระทู้ว่า หนังสือบันทึกความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รีจะเป็นการให้ข้อมูลข้างเดียวมากมายเพียงใด
“มันจะเป็นความจริงของพระองค์ หรือเป็นความจริงตามเนื้อผ้า ยิ่งกว่านั้นความจริงของพระองค์ กับความจริงตามเนื้อผ้า จะตรงกันหรือต่างกันเพียงใด” ฟิตซ์วิลเลียมส์ตั้งกระทู้ที่สอดคล้องกับความคิดของใครต่อใครมากมาย
“มากมายหลายสิ่งในคำให้สัมภาษณ์ในรายการโอปราห์ ไม่ได้ผ่านการตรวจเช็กความถูกต้องของข้อมูล และมันไม่ง่ายสำหรับโลกภายนอกที่จะแยกแยะได้ว่าสิ่งไหนที่จริง นี่เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจอย่างยิ่ง” ฟิตซ์วิลเลียมส์กล่าวด้วยความสุขุมรอบคอบ
“ทั้งสองยังมองว่าตนเป็นเหยื่อ ความหวังของผมมีอยู่ว่าหนังสือนี้จะออกมาในทางสร้างสรรค์ และจะไม่นำไปสู่การเปิดเผยอะไรมากกว่าที่ผ่านมาที่จะสร้างความเสียหายแก่ครอบครัวของพระองค์” ฟิตซ์วิลเลียมส์กล่าวพร้อมสำทับว่า
“มันยากที่จะดูออกได้แน่นอนว่าเจ้าชาแฮร์รีและเมแกนต้องการอะไร และเราคงไม่ได้ทราบจนกว่าจะได้เห็นเนื้อหาที่ถูกใส่ไว้ในหนังสือบันทึกความทรงจำนี้ อีกทั้งได้เห็นว่าจะมีอะไรบ้างที่จะสร้างความอับอายให้แก่พระบิดาของพระองค์”
“เจ่าชายแฮร์รีกล่าวไว้มากมายเกี่ยวกับการบำบัดรักษา แต่อะไรกันเล่าที่เจ้านายแห่งซัสเซกส์ทั้งสองต้องการจากราชตระกูล?” ฟิตซ์วิลเลียมส์ตั้งคำถามที่ยังไม่มีสื่อรายใดออกมาทายคำตอบ
เดลิเมล์ก็มิได้ให้ความเห็นถึงแรงจูงใจของเจ้าชายแฮร์รี หากชี้ประเด็นว่าข้อตกลงขายลิขสิทธิ์หนังสือเพื่อการจัดพิมพ์เผยแพร่นั้นมีแนวโน้มว่าจะยิ่งเพิ่มความตึงเครียดระหว่างดยุกแห่งซัสเซกส์และเดอะ เฟิร์ม ซึ่งเป็นฉายาที่สื่อมวลชนขนานนามถึงพระราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งเดลิเมล์บอกว่า
เดอะ เฟิร์ม คงจะเตรียมใจกับการเปิดเผยอันน่าเจ็บปวดที่เพิ่มเติมจากเมื่อเฟสแรกซึ่งเจ้าชายแฮร์รีให้สัมภาษณ์แก่รายการโอปราห์ วินฟรีย์ โชว์
อังกฤษสะเทือนหนักแน่กับการแชร์แกมแฉที่คงร้อนฉ่ากว่าเทปสัมภาษณ์สองชั่วโมงเต็มอิ่ม
โรเบิร์ต จ็อบสัน ผู้เขียนหนังสือราชวงศ์ขายดีระดับเบสท์เซลเลอร์ เรื่อง Prince Phillip’s Century หรือหนึ่งศตวรรษแห่งเจ้าชายฟิลลิป วิเคราะห์ว่าหนังสือของเจ้าชายแฮร์รีมีแนวโน้มจะสร้างความโกลาหลแก่สมาชิกในราชตระกูลวินเซอร์ หากเจ้าชายแฮร์รีเล่าเจาะลึกลงรายละเอียดในประเด็นอื้อฉาวที่เปิดเรื่องไว้ในเทปสัมภาษณ์รายการโอปราห์ วินฟรีย์ โชว์ (ซึ่งก็คงยากที่จะหลีกเลี่ยงประเด็นอื้อฉาวเหล่านี้) ทั้งประเด็นสุขภาพจิตของพระชายาเมแกน และประเด็นเหยียดผิวที่ทรงบอกว่าเกิดขึ้นภายในราชวงศ์ระดับพระองค์เจ้าขึ้นไป
เรื่องเหล่านี้จะสร้างความเสียหายใหญ่หลวงต่อราชวงศ์วินเซอร์ อีกทั้งระบอบกษัตริย์ในฐานะสถาบัน จ็อบสันผู้โด่งดังระบุอย่างนั้น พร้อมกับย้ำถึงปัญหาความแตกแยกระหว่างเจ้าชายสองศรีพี่น้อง ตลอดจนความร้าวฉานในระหว่างเจ้าชายแฮร์รีกับพระบิดา
“จะเชื่อมสะพานเข้าหากันได้อย่างไรในเมื่อเจ้าชายแฮร์รีทำอย่างนี้ ผมมองไม่เห็นเลยว่าความร้าวฉานระหองระแหงในราชวงศ์จะเยียวยารักษาได้ในบริบทใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นบ่อยขนาดนี้” ร็อบสันกล่าวกับเดลีเมล์
ด้านนักวิพากษ์วิจารณ์บางอื่นๆ บอกเดลีเมล์ว่า คำแถลงของเจ้าชายแฮร์รีทำให้หลายคนต้อง “มองบน” และมีการตั้งข้อสังเกตว่า “เราคิดว่าใครๆ ต่างก็เบื่อที่จะโมโหกับความเคลื่อนไหวของสองคนนี้”
“สองคนนี้ใช้เวลา 18 เดือนที่ผ่านมาทำทุกสิ่งที่เคยสัญญากับควีนเอลิซาเบธว่าจะไม่ทำ กล่าวคือ การหาเลี้ยงชีพจากชีวิตเดิมๆ สถานภาพเดิมๆ ในสมัยที่เป็นสมาชิกแห่งราชวงศ์อังกฤษ” นักวิจารณ์รายดังกล่าววิพากษ์โดยขอให้เดลีเมล์สงวนนาม
คำแถลงของเจ้าชายแฮร์รีบอกว่าจะเขียนถึงความผิดพลาดที่ผ่านมา ตลอดจนบทเรียนที่ได้รับ แต่นักวิจารณ์พากันเลิกคิ้วประมาณว่า แน่หรือ
บรรดาแหล่งข่าวในแวดวงราชสำนักกล่าวว่าพวกตนเชื่อว่าเจ้าชายแฮร์รีไม่เคยเป็นฝ่ายที่เต็มใจยอมรับความผิดใดๆ ทั้งนี้ ตลอดสามปีที่ผ่านมา “ก็มีแต่จะโทษทุกคนยกเว้นตนเองกับพระชายา ว่าเป็นต้นเหตุแห่งความร้าวฉานในราชตระกูล” เดลิเมล์รวบรวมความเห็นจากฝ่ายต่างๆ มาประมวลไว้
ราชตระกูลสั่นสะเทือนกับข่าวโครงการหนังสือ แต่คงทำใจไว้แล้วว่าต้องออกมาทรงนี้
นิตยสารยูเอส วีกลี (US Weekly) ของฝั่งสหรัฐฯ พาดหัวข่าวว่า เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และเจ้าชายวิลเลียม “มีความกังวลใจ” ต่อหนังสือบันทึกความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รี ขณะที่ราชตระกูลวินเซอร์แห่งประเทศอังกฤษช็อกและหัวเสียทีเดียว โดยยูเอส วีกลี ระบุว่าหนังสือบันทึกความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รีที่จะวางตลาดในไม่ช้า สั่นสะเทือนราชตระกูลอังกฤษอย่างทั่วถึง และไม่มีสมาชิกแห่งราชตระกูลรายใดจะเตรียมการรับมือ เนื่องจากไม่อาจคาดได้ว่าความลับอะไรจะถูกแชร์หรือถูกสาวไส้ออกมา
“สมาชิกราชตระกูลต่างรู้สึกช็อกและหัวเสียกับข่าวเรื่องหนังสือ” แหล่งข่าววงในรายหนึ่งเผยต่อยูเอส วีกลี เป็นการเฉพาะเจาะจง พร้อมบอกด้วยว่า เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และเจ้าชายวิลเลียม “มีความกังวลใจเป็นพิเศษว่าหนังสือบันทึกความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รีจะเผยอะไรออกไป” หลังจากที่เจ้าชายแฮร์รีได้ปล่อยถ้อยคำวิพากษ์วิจารณ์ออกมาชุดใหญ่เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งนั่นก็ถือว่า “ย่ำแย่ทีเดียวเชียว”
แหล่งข่าววงในรายเดียวกันเผยเพิ่มเติมว่า “ยังไม่มีพระองค์ใดได้รับสำเนาต้นฉบับ และจึงไม่สามารถเก็งได้ว่าจะต้องเผชิญกับอะไร ซึ่งนั่นทำให้แต่ละพระองค์หวั่นผวากันไม่ใช่น้อย”
ด้านโรเบิร์ต จ็อบสัน จอมกูรูกิจการราชสำนักซึ่งให้สัมภาษณ์แก่เดลีเมล์แล้ว ในวันรุ่งขึ้นก็มีสกู๊ปของตนเองไปขึ้นที่เว็บไซต์ข่าวอีฟนิ่ง สแตนดาร์ด โดยรายงานในทางเดียวกับค่ายยูเอส วีกลี แต่มีการเพิ่มพระนามของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ สมทบกับพระนามเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และเจ้าชายวิลเลียม ว่า “มีความกังวลใจ” ถึงผลกระทบที่ระบอบกษัตริย์อาจได้รับจากหนังสือบันทึกความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รี ซึ่งเจ้าชายนักประพันธ์ทรงกล่าวไว้ว่า ขะแชร์ถึง “ความผิดพลาดและบทเรียนที่ได้รับ”
พร้อมกันนี้ จ็อบสันแตะไปถึงประเด็นว่าเจ้าชายแฮร์รีได้แจ้งเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ผู้เป็นพระบิดาให้ได้ทราบถึงโครงการหนังสือบันทึกความทรงจำแล้วหรือไม่ ก่อนที่จะออกมาประกาศข่าวเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ซึ่งการแจ้งทราบเป็นสิ่งที่ควรที่จะกระทำ
ทั้งนี้ จ็อบสันพูดถึงรายงานข่าวของบีบีซีที่บอกว่าเจ้าชายแฮร์รีได้แจ้งไว้แล้ว แต่ก็มีหลายแหล่งข่าวบอกว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ประหลาดใจเมื่อได้ทราบเรื่องนี้ ในเวลาเดียวกัน เมื่ออีฟนิ่ง สแตนดาร์ดไต่ถามไปยังเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งของสำนักพระราชวังว่า ราชตระกูลวินเซอร์ได้ทราบมาก่อนหรือไม่ เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายนี้ตอบว่า
“มันไม่ใช่อะไรที่เกินคาด”
ส่วนค่ายเพจซิกส์ สื่อจี๊ดจ๊าดด้านข่าวราชวงศ์และคนดัง รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวคือโฆษกส่วนตัวของเจ้าชายแฮร์รี ว่าได้บอกกล่าวเรื่องโครงการหนังสือให้ทางบ้านที่อังกฤษทราบเมื่อเร็วๆ นี้ และเจ้าชายแฮร์รีไม่คิดว่าจะต้องได้รับอนุญาตจากพระราชวังบักกิงแฮมในการที่จะตีพิมพ์หนังสือบันทึกความทรงจำ
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา : เอพี เอเอฟพี รอยเตอร์ เดอะเฮอร์รัลซัน เดลีเมล์ นิวยอร์กโพสต์ ยูเอสวีกลี อีฟนิ่งสแตนดาร์ด เพจซิกส์ วิกิพีเดีย ทวิตเตอร์)