ฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันเล่นงานพื้นที่ทางตะวันตกของยุโรป คร่าชีวิตประชาชนในเยอรมนีอย่างน้อย 59 ราย และในเบลเยียม 9 ราย และอีกจำนวนมากสูญหาย ทั้งนี้ ระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นเหตุให้บ้านเรือนประชาชนหลายหลังพังถล่มในวันพฤหัสบดี (15 ก.ค.)
ในเยอรมนี ซึ่งกำลังเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติเลวร้ายที่สุดหนหนึ่งนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวบ้านต้องขึ้นไปหลบภัยอยู่บนหลังคาบ้าน รอคอยเฮคิคอปเตอร์กู้ภัยมาพาตัวไปยังพื้นที่ปลอดภัย
ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักยังก่อน้ำท่วมใหญ่ในประเทศเพื่อนบ้านทั้งหลายของเยอรมนี ไม่ว่าจะเป็นลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ และเบลเยียมเช่นกัน
นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางเยือนวอชิงตัน ได้กล่าวถึงภัยพิบัติในประเทศ และแสดงความเสียใจแก่เหยื่ออุทกภัยครั้งนี้ "ฉันเกรงว่าคงอีกหลายวันที่เราจะได้เห็นขอบเขตหายนะของภัยพิบัติอย่างสมบูรณ์" เธอกล่าวพร้อมระบุว่า รัฐบาลกำลังทำทุกอย่างเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์ยากลำบาก
โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พูดเคียงข้าง แมร์เคิล ระหว่างแถลงข่าวร่วมกัน ขอเป็นตัวแทนของประชาชนชาวอเมริกาแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อหลายชีวิตที่ต้องสูญเสียและความเสียหายร้ายแรงที่เกิดขึ้นจากอุทกภัยครั้งนี้
หน่วยฉุกเฉินเยอรมนี ตำรวจ และทหารรวมราวๆ 15,000 นาย ถูกส่งลงพื้นที่ต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วง
อาร์มิน ลาสเชต มุขมนตรีรัฐนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลีย (NRW) ซึ่งจะลงชิงสืบทอดเก้าอี้ของแมร์เคิลในศึกเลือกตั้งเดือนกันยายน ยกเลิกการประชุมพรรคในรัฐบาวาเรีย เพื่อสำรวจความเสียหายภายในรัฐของเขา ซึ่งมีประชากรมากที่สุดของเยอรมนี
"เราจะยืนหยัดเคียงข้างเมืองต่างๆ และประชาชนที่ได้รับผลกระทบ" ลาสเชตบอกกับผู้สื่อข่าวในเมืองฮาเกน พร้อมเรียกร้องทั่วโลกเร่งรัดความพยายามต่อสู้กับภาวะโลกร้อน เน้นย้ำความเชื่อมโยงระหว่างภาวะโลกร้อนกับสภาพอากาศรุนแรง
กระทรวงมหาดไทยรัฐนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลีย เปิดเผยว่า เก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตได้เพิ่มเติมอีก 4 ศพ ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตในรัฐแห่งนี้เพิ่มเป็นอย่างน้อย 31 ราย ส่วนในรัฐไรน์ลันด์-ฟัลทซ์ ที่อยู่ติดกัน พบผู้เสียชีวิตอีก 9 ราย เพิ่มเติมจาก 19 ศพที่เก็บกู้ได้แถวๆ เมืองอาร์ไวเลอร์ ทางตะวันตกของรัฐ
ในเมืองอาร์ไวเลอร์ ยังมีผู้ที่หาตัวไม่พบราวๆ 1,300 คน แต่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเชื่อว่าจำนวนที่สูงขนาดนี้น่าจะเป็นผลจากเครือข่ายโทรศัพท์มือถือขัดข้อง
ที่เมืองออยส์เคียร์เชิน ในรัฐนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลีย พบผู้เสียชีวิต 15 ราย ส่วนเหยื่ออีก 4 ศพพบในเขตเทศบาลชูล์ด ทางใต้ของเมืองบอนน์ พื้นที่ที่พบเห็นบ้านเรือนอย่างน้อย 6 หลังถูกซัดลอยไปตามกระแสน้ำ
กระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งรัฐไรน์ลันด์-ฟัลทซ์ ออกคำเตือนคาดหมายว่า ระดับน้ำของแม่น้ำไรน์ และแม่น้ำโมเซลล์ จะเพิ่มสูงขึ้นหลังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ สภาพอากาศอันเลวร้ายยังทำให้ชาวบ้านราว 200,000 คนในรัฐนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลีย และรัฐไรน์ลันด์-ฟัลทซ์ ไม่มีไฟฟ้าใช้
ตำรวจได้จัดตั้งสายด่วนสำหรับรับแจ้งผู้สูญหาย และร้องขอให้ชาวบ้านส่งวิดีโอหรือภาพถ่ายที่สามารถช่วยในปฏิบัติการค้นหา ขณะที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในเมืองอาร์ไวเลอร์ เรียกร้องประชาชนอยู่แต่ในที่พักอาศัย และหากเป็นไปได้ก็ให้ขึ้นไปอยู่ชั้นที่สูงที่สุดของตัวบ้าน
ในเมืองเลเวอร์คูเซน พายุเป็นเหตุให้เกิดไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง ทำให้ต้องอพยพคนไข้ 468 คนออกจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
เบลเยียม ประเทศเพื่อนบ้านของเยอรมนี ก็เผชิญกับภาวะฝนตกหนักมานานหลายวัน เป็นเหตุให้แม่น้ำสายต่างๆ ในแคว้นวอลโลเนีย เอ่อล้นตลิ่ง และมีรายงานผู้เสียชีวิต 4 ราย โดยจังหวัดลีแอช และนามูร์ เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุด
ชาวบ้านในลีแอชได้รับการแจ้งเตือนในวันพฤหัสบดี (15 ก.ค.) เรียกร้องให้พวกเขาอพยพออกจากที่พักอาศัยที่อยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำมิวส์ ขณะที่หนังสือพิมพ์ Le Soir รายงานว่าที่เมืองชอดฟองเตน จำเป็นต้องอพยพชาวบ้านเกือบๆ 1,800 คน
ขณะเดียวกัน ในเนเธอร์แลนด์ เจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยได้เข้าอพยพประชาชนหลายร้อยครัวเรือนออกจากที่พักอาศัยในเมืองโรเออร์มอนด์ จังหวัดลิมบืร์ค ท่ามกลางความคาดหมายว่าระดับน้ำในแม่น้ำมิวส์จะล้นตลิ่งในวันศุกร์ (16 ก.ค.) และอาจแตะระดับสูงสุดในรอบ 200 ปีเลยทีเดียว
เทศบาลหลายแห่งในลิมบืร์ค ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินไปก่อนหน้านี้ เพื่อบังคับอพยพประชาชน
อีกด้านหนึ่งรัฐบาลประเทศลักเซมเบิร์ก ได้จัดตั้งเครือข่ายวิกฤตรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ที่มีต้นตอจากฝนตกหนัก โดยนายกรัฐมนตรีซาวีเยร์ เบตแตล รายงานว่ามีบ้านหลายหลังถูกน้ำท่วมและไม่สามารถพักอาศัยได้อีกต่อไป
(ที่มา : เอเอฟพี)