ซิดนีย์ เมืองใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย เตรียมเผชิญกับมาตรการล็อกดาวน์โควิด-19 ยืดเยื้อ หลังเจ้าหน้าที่เตือนในวันจันทร์(12ก.ค.) เคสผู้ติดเชื้อใหม่รายวันน่าจะกลับมาพุ่งเกิน 100 คน ท่ามกลางการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวกลายพันธุ์เดลตา
ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นในทุกๆวันแม้เมืองแห่งนี้ ซึ่งเป็นถิ่นฐานของประชากรราว 1 ใน 5 จากทั้งหมด 25 ล้านคนของออสเตรเลีย เข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์มาตั้งแต่ 2 สัปดาห์ก่อน
กลาดิส เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ยอมรับเมื่อวันอาทิตย์(11ก.ค.) คาดหมายว่าอาจต้องขยายมาตรการล็อกดาวน์เกินกว่าวันที่ 16 กรกฏาคม ตามแผนเดิมที่วางเอาไว้ พร้อมเตือนว่าสถานการณ์จะเลวร้ายลงกว่านี้ ก่อนจะค่อยๆดีขึ้น
มาตรการล็อกดาวน์ถูกยกระดับเข้มข้นขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ โดยจำกัดประชาชนให้ออกกำลังกายกลางแจ้งได้ไม่เกินรัศมี 10 กิโลเมตรจากตัวบ้านและต้องไม่เกิน 2 คน ขณะที่สมาชิกแต่ละครอบครัวได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านได้แค่ 1 คนในแต่ละวัน สำหรับซื้อเข้าของที่จำเป็น
เจ้าหน้าที่เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์(12ก.ค.) ว่ามีผู้หญิงชาวซิดนีย์ในวัย 90 ปีเศษๆ เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ในท้องถิ่น ทำให้เธอกลายเป็นผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รายแรกของออสเตรเลียในปีนี้
ยอดผู้ติดเชื้อรวมในการแพร่ระบาดระลอกล่าสุด ซึ่งเริ่มต้นในช่วงกลางเดือนมิถุนายน ขยับเข้าใกล้ 600 รายแล้ว ในนั้นเกือบ 50 คนอาการหนักถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล ซึ่งคิดเป็นอัตรา 1 ต่อผู้ติดเชื้อ 8 ราย
ก่อนหน้านี้ออสเตรเลียประสบความสำเร็จในการสยบการแพร่ระบาดรุนแรงผ่านมาตรการล็อกดาวน์ครั้งแล้วครั้งเล่า การติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดอย่างรวดเร็วและการเว้นระยะห่างทางสังคม ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 31,200 คนและเสียชีวิต 911 รายนับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้น ดีว่าดีกว่าประเทศพัฒนาแล้วชาติอื่นๆหลายชาติ
อย่างไรก็ตามการจู่โจมเข้ามาของตัวกลายพันธุ์เดลตา ที่แพร่กระจายเชื้อได้ง่ายและการฉีดวัคซีนที่เป็นไปอย่างล่าช้า โหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดรุนแรง โดยจนถึงตอนนี้มีประชากรวัยผู้ใหญ่ของออสเตรเลียเพียงแค่ 11% จากทั้งหมด 20.5 ล้านคนเท่านั้น ที่ฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว
(ที่มา:รอยเตอร์ส)