ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่รายวันในอินโดนีเซีย พุ่งทำสถิติสูงสุดอีกครั้ง โดยขึ้นไปเฉียดๆ 30,000 คนในวันจันทร์ (5 ก.ค.) ขณะที่รัฐบาลเร่งให้เพิ่มกำลังผลิตออกซิเจนที่ขาดแคลนอย่างหนักทั่วประเทศ รวมทั้งเปิดบริการแพทย์ทางไกลเพื่อลดภาระของบุคลากรด่านหน้าในเวลาที่คนไข้เริ่มล้นโรงพยาบาล ด้านออสเตรเลียชี้สถานการณ์การระบาดของไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตาในเมืองซิดนีย์เข้าสู่ช่วง 2 วันอันตรายก่อนตัดสินใจว่า จะต้องต่ออายุมาตรการล็อกดาวน์ที่จะสิ้นสุดปลายสัปดาห์นี้หรือไม่
กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียแถลงในวันจันทร์ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทำสถิติสูงสุดอีกครั้งอยู่ที่ 29,745 คน ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 558 คน รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสม 2.3 ล้านคน และเสียชีวิตสะสม 61,140 คน อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ตัวเลขจริงอาจสูงกว่านี้มากเนื่องจากแดนอิเหนาไม่มีการตรวจหาผู้ติดเชื้ออย่างเหมาะสมในพื้นที่นอกกรุงจาการ์ตา
ขณะเดียวกัน สีตี นาเดีย ทาร์มิซี เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข เผยว่า ทางกระทรวงได้ขอร้องให้พวกผู้ผลิตเพิ่มกำลังผลิตออกซิเจนทางการแพทย์ และขอให้ประชาชนงดกักตุน ท่ามกลางข่าวว่า ประชาชนจำนวนมากพยายามหาซื้อถังออกซิเจนเพื่อใช้ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่บ้าน
ทั้งนี้ โรงพยาบาลหลายแห่งทั่วอินโดนีเซียระบุว่า ออกซิเจนใกล้หมด โดยมีโรงพยาบาลแห่งหนึ่งรายงานว่า ผู้ป่วย 63 คนเสียชีวิตเนื่องจากขาดแคลนออกซิเจน
การที่ประชาชนแดนอิเหนาจำนวนมากออกเดินทางไปที่ต่างๆ ตามประเพณีภายหลังเทศกาลถือศีลอดเดือนรอมฎอน ตลอดจนการแพร่เข้ามาของไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตาที่พบครั้งแรกในอินเดียและมีความสามารถในการระบายติดต่อได้ง่ายกว่าเดิมมาก เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สถานการณ์ในอินโดนีเซียเลวร้ายลงอย่างมาก โดยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มวันละกว่า 25,000 คน และถือเป็นประเทศที่มีการระบาดรุนแรงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แผนกบริการฉุกเฉินและแผนกผู้ป่วยวิกฤตของโรงพยาบาลรัฐบาลหลายแห่ง ทั้งในเมืองบันดุง สุราการ์ตา และปาเมกาซาน มีผู้ป่วยใหม่เข้ารักษาตัวจำนวนมากจนบางแห่งต้องปิดรับ และบางแห่งตั้งเต็นท์รักษานอกอาคาร
มีรายงานว่าแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในบันดุงงดรับผู้ป่วยโควิดเนื่องจากออกซิเจนหมด
ด้านรัฐบาลอินโดนีเซียเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (4) ว่า ในพื้นที่กรุงจาการ์ตามีการจัดพิธีศพเหยื่อโควิดเพิ่มขึ้น 10 เท่าตัวนับจากต้นเดือนพฤษภาคม นอกจากนั้นยังมีบุคลากรด่านหน้าติดเชื้อและเสียชีวิตจำนวนมาก แม้ส่วนใหญ่ฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม
วัคซีนส่วนใหญ่ที่อินโดนีเซียฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนทั่วไปคือซิโนแวคของจีน และผู้เชี่ยวชาญกำลังพิจารณาให้ฉีดเพิ่มเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อสู้กับสายพันธุ์เดลตา
ในวันจันทร์ บูดี กูนาดี ซาดิกิน รัฐมนตรีสาธารณสุขแถลงว่า จะเปิดให้บริการแพทย์ทางไกลฟรีสำหรับผู้ป่วยโควิดที่มีอาการไม่รุนแรงเพื่อลดภาระโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ โดยมอบหมายให้บริษัทดูแลสุขภาพทางไกล เช่น อะโลด็อกเตอร์ และฮาโลด็อก เป็นผู้ให้บริการให้คำปรึกษาและจัดส่งยาให้แก่ผู้ป่วย บริการนี้จะเริ่มตั้งแต่วันอังคาร (6) เป็นต้นไป
นอกจากนั้นนับจากวันอังคาร อินโดนีเซียจะเปลี่ยนกฎระเบียบสำหรับนักเดินทางต่างชาติ โดยจะอนุญาตเฉพาะผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มและมีผลตรวจโควิดเป็นลบให้เดินทางเข้าประเทศได้ ทั้งยังต้องกักตัว 8 วันทันทีที่เดินทางถึง
2 วันอันตรายซิดนีย์
ที่ออสเตรเลีย เจ้าหน้าที่พยายามอย่างหนักในการควบคุมการระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตาในซิดนีย์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยจนถึงขณะนี้พบผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 300 คน นับแต่ที่พบเคสแรกในย่านบอนดี้เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน และทำให้รัฐบาลรัฐนิวเซาท์เวลส์ต้องสั่งล็อกดาวน์ซิดนีย์ที่มีประชากร 5 ล้านคน เป็นเวลานาน 2 สัปดาห์
ในวันจันทร์พบผู้ติดเชื้อในท้องถิ่นในเมืองนี้ 35 คน เท่ากับสถิติรายวันสูงสุดของปีนี้ ในจำนวนนี้ 28 คนตรวจพบติดเชื้อระหว่างกักตัว และ 7 คนไม่ได้กักตัว
เกลดิส เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ คาดว่า จำนวนผู้ที่ต้องกักตัวจะยังคงเพิ่มขึ้น และสิ่งที่จับตาในขณะนี้คือ จำนวนผู้ติดเชื้อในชุมชนและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอีก 2-3 วันนี้ เพื่อตัดสินใจว่า จะต้องขยายมาตรการล็อกดาวน์ที่จะสิ้นสุดในวันศุกร์นี้ (9) หรือไม่
อย่างไรก็ดี สำหรับพื้นที่อื่นๆ ที่มีการระบาดไม่รุนแรงของออสเตรเลีย อย่าง เพิร์ธ บริสเบน และดาร์วิน ได้มีการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์แล้วเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
(ที่มา: บีบีซี, รอยเตอร์, เอพี)