เอเจนซีส์ – วันนี้(1 ก.ค)เจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์ และเจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซกซ์ ทรงร่วมกันเป็นประธานในพิธีเปิดอนุสาวรีย์เจ้าหญิงไดอานาภายในพระราชวังเคนซิงตันท่ามกลางประชาชนชาวอังกฤษต่างส่งใจร่วมไว้อาลัยด้านนอกพระราชวัง
บีบีซี สื่ออังกฤษรายงานวันนี้(1 ก.ค)ว่า พิธีเปิดอนุสาวรีย์รำลึกเนื่องในวันครบรอบฉลองพระชนมายุครบ 60 พรรษาของเจ้าหญิงไดอานาที่สิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ภายในอุโมงค์ที่กรุงปารีสในปี 1997ขณะที่พระองค์ทรงมีพระชนมายุ 36 พรรษา พิธีเกิดขึ้นในช่วงบ่ายวันพฤหัสบดี(1)ที่สวนซังเคน (Sunken Garden) ภายในพระราชวังเคนซิงตัน
พิธีถูกจัดอย่างเรียบง่ายเป็นการภายในเฉพาะเนื่องมาจากสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด สื่ออังกฤษชี้ว่า ทั้งเจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์ และเจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซกสซ์ ทรงมีสีพระพักษ์ที่แจ่มใสและมีการตรัสหยอกล้อซึ่งกันและกันให้สาธารณะได้เห็นนั้นทรงทำหน้าที่เป็นประธานทำพิธีเปิด โดยทั้ง 2 พระองค์ทรงร่วมชักผ้าสีเขียวที่คลุมอนุสาวรีย์ไว่ให้เปิดให้เห็นความงามที่อยู่ด้านใน
เดลีเทเลกราฟ สื่ออังกฤษ รายงานว่า ทั้ง 2 พระองค์ได้ออกแถลงการณ์ร่วมที่สั้นและซาบซึ้งขณะที่สวนซังเคนนั้นได้รับการปรับปรุงใหม่โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 2019 ภายในสวนซึ่งเป็นสถานที่เจ้าหญิงไดอานาในขณะที่ยังทรงพระชนม์ชีพทรงชื่นชอบเป็นอย่างมากถูกตกแต่งด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์รวมไปถึง กุหลาบกว่า 200 ต้น ลาเวนเดอร์ 500 ต้น ทิวลิป 300 ต้นดาห์เลีย 100 ต้น และต้นฟอร์เก็ตมีน็อตอีกจำนวน 100 ตน
และพบว่าตัวอนุสาวรีย์ทำมาจากโลหะบรอนซ์ซึ่งแสดงให้เห็นช่วงพระชนม์ชีพท้ายของเจ้าหญิงไดอานาที่แสดงออกในด้านการกุศล พระองค์ทรงประทับยืนอยู่ในขณะที่พระกรทั้งสองโอบเด็กชายผิวดำและเด็กหญิงผิวขาวที่เด็กทั้งสองยืนด้านข้างของพระองค์
เป็นผลงานของ เอียน แรงค์-บรอดลีย์( Ian Rank-Broadley)ที่ฝากผลงานสร้างสรรค์ปฎิมากรรมสมาชิกราชวงศ์อังกฤษมาอย่างยาวนานและเขายังเป็นหนึ่งในแขกที่ได้เข้าร่วมในพิธีเปิดวันนี้
เดลีเทเลกราฟต์รายงานว่า อนุสาวรีย์เจ้าหญิงไดอานาสะท้อนให้เห็นถึงความอบอุ่น ความงามสง่า และความมีพลัง รวมไปถึงการทรงงานด้านการกุศลสาธารณะของพระองค์ซึ่งเป็นที่จดจำของคนจำนวนมาก
อนุสาวรีย์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศต่อช่วงชีวิตสุดท้ายของพระองค์จากการที่พระองค์ทรงงานในฐานะเอกอัครราชทูตด้านการบรรเทาทุกข์และมีเป้าหมายที่จะแสดงให้เห็นถึงพระอุปนิสัยของพระองค์และความเมตตา พระราชวังเคนซิงตันกล่าวผ่านแถลงการณ์