เอเอฟพี – อิสราเอลกลับมาเปิดฉากโจมตีทางอากาศถล่มฉนวนกาซาอีกแล้ว หลังจากเพิ่งตกลงยุติความขัดแย้งรุนแรงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนเมื่อเดือนที่แล้ว และยังเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดใหม่ของอิสราเอลภายใต้การนำของ นาฟตาลี เบนเน็ต ที่เพิ่งเข้าบริหารประเทศแทนรัฐบาลชุดเดิมของ เบนจามิน เนทันยาฮู ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (13 มิ.ย.)
การโจมตีล่าสุดเมื่อเช้าวันพุธ (16 มิ.ย.) ยังเกิดขึ้นหลังจากกลุ่มชาตินิยมสุดโต่งหลายพันคนเดินโบกธงชาติเข้าสู่ย่านเมืองเก่าของนครเยรูซาเลมในวันอังคาร (15 มิ.ย.) ท่ามกลางกำลังตำรวจจำนวนมากที่เฝ้าระวังเหตุร้าย ขณะนานาชาติเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ
จากการเปิดเผยของแหล่งข่าวในปาเลสไตน์ กองทัพอิสราเอลได้โจมตีสถานที่อย่างน้อย 1 แห่งทางตะวันออกของคานยูนิสที่อยู่ทางใต้ของฉนวนกาซาและมีประชาชนอาศัยอยู่ราว 2 ล้านคน
ทางด้านกองทัพอากาศอิสราเอลแถลงว่า ได้ส่งเครื่องบินขับไล่โจมตีค่ายทหารและสถานที่นัดประชุมของกลุ่มฮามาสเพื่อตอบโต้บอลลูนไฟ ล่าสุดยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
กองทัพยิวสำทับว่า เตรียมพร้อมเต็มที่เพื่อรับมือสถานการณ์ใดๆ ก็ตาม ซึ่งรวมถึงเหตุการณ์รุนแรงที่อาจปะทุขึ้นอีกครั้งขณะที่กิจกรรมก่อการร้ายจากฉนวนกาซายังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงอิสราเอลเผยว่า บอลลูนไฟจากกาซาทำให้เกิดไฟไหม้ราว 20 จุดทางใต้ของประเทศอิสราเอล
เหตุการณ์รุนแรงครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่อิสราเอลและนักรบปาเลสไตน์ตกลงหยุดยิงเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากสู้รบกันอย่างหนักนาน 11 วัน ซึ่งทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิต 260 คน ส่วนอิสราเอลเสียชีวิต 13 คน รวมถึงทหาร 1 นาย
รายงานระบุว่า ในเขตยึดครองเยรูซาเลมตะวันออก มีประชาชนกว่าพันคนออกไปประท้วงบนถนนขณะที่การเดินขบวนของกลุ่มชาตินิยมและนักเคลื่อนไหวขวาจัดล่าช้าและเกิดความขัดแย้ง
ก่อนการเดินขบวนดังกล่าวซึ่งได้รับอนุญาตจากรัฐบาลชุดใหม่ของเบนเน็ตต์ อเมริกาและสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดกลั้น
ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด ตำรวจอิสราเอลจำนวนมากถูกส่งไปรักษาความสงบ โดยมีการปิดกั้นถนนบางสาย ยิงระเบิดแสงและกระสุนโฟมเพื่อผลักดันชาวปาเลสไตน์ออกจากถนนสายหลัก
หน่วยแพทย์เผยว่า มีชาวปาเลสไตน์ 33 คนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่ตำรวจอิสราเอลระบุว่า ตำรวจ 2 นายได้รับบาดเจ็บ และมีผู้ถูกจับกุม 17 คน
การเดินขบวนของชาวอิสราเอลจุดชนวนการประท้วงในเวสต์แบงก์และฉนวนกาซา รวมทั้งมีการประณามและคำเตือนจากพันธมิตรของอิสราเอล
การเดินขบวนที่เรียกว่า “มาร์ช ออฟ เดอะ แฟล็กส์” มีเป้าหมายเพื่อฉลองครบรอบเหตุการณ์ที่อิสราเอลเข้ายึดครองและผนวกพื้นที่ฝั่งตะวันออกของเยรูซาเลมจากจอร์แดนในปี 1967 ซึ่งไม่ได้รับการรับรองจากประเทศส่วนใหญ่
การเดินขบวนนี้เลื่อนมาจากกำหนดเดิมในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม เนื่องจากการคัดค้านของตำรวจและการคุกคามจากฮามาส โดยผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาว และบางคนตะโกนให้ “อาหรับไปตายเถอะ” ก่อนถูกคนอื่นๆ ห้ามปราม
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียง 2 วันหลังจากเนทันยาฮูที่ครองอำนาจยาวนาน 12 ปีถูกปลดโดยกลุ่มแนวร่วมที่ประกอบด้วยพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์แตกต่างหลากหลาย ซึ่งรวมถึงพรรคการเมืองของกลุ่มอาหรับ
ยาอีร์ ลาปิด ผู้มีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาล เชื่อว่าจำเป็นต้องอนุญาตการเดินขบวน อย่างไรก็ตาม เขาไม่เห็นด้วยกับการชูธงชาติอิสราเอลและตะโกนให้คนอาหรับไปตาย
มานซูร์ อับบาส จากพรรคราอัม อิสลามิกที่มีที่นั่งในสภา 4 ที่นั่งและมีความสำคัญในพรรคร่วมรัฐบาล โจมตีว่าการเดินขบวนดังกล่าวเป็นการยั่วยุและสมควรยกเลิก