เอเจนซีส์ – รายงานคอร์รัปชันจากองค์การความโปร่งใสระหว่างประเทศระบุว่า พลเมือง 27 ชาติสมาชิกสหภาพยุโรป 1 ใน 5 ยอมจ่ายสินบนเพื่อเข้าถึงการรักษาพยาบาล และ1 ใน 3 ใช้ช่องทางคอนเนกชันส่วนตัวเพื่อให้ได้รับการรักษาระหว่างวิกฤตโควิด-19
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษรายงานวันนี้(15 มิ.ย)ว่า องค์การความโปร่งใสระหว่างประเทศ( Transparency International เจ้าของรายงานการตรวจจับคอร์รัปชัน The Global Corruption Barometer ทั่วโลก ออกมาเปิดเผยการจ่ายคอร์รัปชันและการใช้ช่องทางติดต่อส่วนตัวของพลเมืองสมาชิกชาติยุโรป 27 ชาติ EU ว่า พบว่ามีการใช้ทั้ง 2 วิธีเพื่อให้เข้าถึงการรักษาพยาบาลระหว่างเกิดวิกฤตโควิด-19
โดยในการวิจัยชี้ว่า 62% ของผู้ตอบแบบสอบถาม 40,000 คนชี้ว่า ปัญหาการคอร์รัปชันของรัฐบาลในประเทศของตัวเองเป็นปัญหาใหญ่ และ 3 ใน 4 หรือราว 76% ปัญหาคอร์รัปชันนั้นยังเหมือนเดิม หรือเลวร้ายลง
ทั้งนี้คณะกรรมาธิการยุโรปถูกคาดว่าจะอนุมัติแผนประเทศต่างๆสำหรับงบการใช้จ่าย 800 พันล้านยูโรที่จะเป็นการเพิ่มร่วมกันในตลาดการเงิน
เดเลีย เฟอร์ไรรา รูบิโอ (Delia Ferreira Rubio) ประธานกรรมการองค์การความโปร่งใสระหว่างประเทศแถลงถึงผลการวิจัยว่า “สหภาพยุโรปมักถูกมองว่าเป็นมาตรฐานแห่งความเที่ยงตรง แต่ทว่าผลการค้นพบล่าสุดชี้ไปว่าประเทศต่างๆทั่วทั้งบล็อกนั้นได้รับความบอบช้ำจากผลกระทบของคอร์รัปชัน”
และชี้ต่อว่า “ระหว่างวิกฤตการระบาดทางสาธารณสุขครั้งร้ายแรง พบว่ามีการใช้ช่องทางคอนเนกชันคนรู้จักส่วนตัวเพื่อให้เข้าถึงการให้บริการทางสาธารณสุขและอาจถึงขั้นร้ายแรงไปถึงขั้นการให้สินบน”
ในแถลงการณ์กล่าวต่อว่า “ชีวิตสามารถเกิดการสูญเสียเมื่อมีการติดต่อกับผู้คนเพื่อให้ได้มาซึ่งวัคซีนโควิด-19หรือการรักษาพยาบาลก่อนในกลุ่มคนที่จำเป็นอย่างฉุกเฉิน มันมีความจำเป็นที่รัฐบาลชาติต่างๆทั่วสหภาพยุโรปต้องเพิ่มความพยายามอีกเท่าตัวเพื่อทำให้มั่นใจว่าจะมีความเท่าเทียมและยุติธรรมในการฟื้นตัวจากวิกฤตโรคระบาด”
รายงานแสดงภาพให้เห็นถึงการปฎิบัติอย่างไม่น่าพึงพอใจที่เห็นความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่และรัฐบาลและทางตรงระดับสูงต่อความเกี่ยวข้องโดยพลเมืองในการปฎิบัติด้านคอร์รัปชันเพื่อเข้าถึงการให้บริการสาธารณะ
และพบว่า 6% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั่วสหภาพยุโรปยอมรับว่า พวกเขาเห็นว่ามีความจำเป็นในการต้องจ่ายสินบนเพื่อสามารถได้รับบริการทางสาธารณสุข และการสำรวจยังพบว่า 29% นั้นต้องพึ่งการติดต่อคอนเนกชันส่วนตัว ที่พบมากเป็นส่วนใหญ่ในสาธารณรัฐเชก 54% โปรตุเกส 46% และฮังการี 41%
จำนวนสัดส่วนสูงสุดของกลุ่มคนกล่าวว่าพวกเขาจ่ายสินบนเพื่อเข้าถึงการให้บริการสาธารณสุขในโรมาเนีย 22% บัลกาเรีย 19% ฮังการี 17% ลิทัวเนีย 17% และโครเอเชีย 14%
นอกจากนี้พบว่าการจ่ายสินบนเพื่อเข้าถึงบริการสาธารณสุขกลายเป็นเรื่องปกติเกิดขึ้นในเบลเยียม 10% ออสเตรีย 9% และกรีซ 9% อ้างอิงจากการสำรวจที่ทำขึ้นระหว่างตุลาคมไปถึงธันวาคมปี 2020
ไซปรัสซึ่งมีสัดส่วนมีผู้ตอบแบบสอบถามมากที่สุด 65% กล่าวว่า พวกเขาเชื่อว่าการคอรรัปชันเพิ่มมากขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งดูเหมือนมีผลมาจากข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับนโยบายโกลด์พาสปอร์ตของไซปรัสที่พบว่าเป็นช่องทางสำหรับอาชญากร คนร้ายหนีคดี นักการเมืองอื้อฉาว และคนธรรมดาซื้อความเป็นพลเมืองไซปรัส
แต่มีจำนวนน้อยกว่า 20% ของผู้ตอบแบบสอบถามคิดว่าปัญหาการคอร์รัปชันนั้นเป็นปัญหาสำคัญในเดนมาร์กและฟินแลนด์ และอีกกว่า 85% ของคนในบัลแกเรีย โครเอเชีย ไซปรัส อิตาลี โปรตุเกส และสเปนเชื่อว่าการคอร์รัปชันเป็นปัญหาสำคัญในรัฐบาลของชาติตัวเอง
นอกจากนี้ผลการสำรวจชี้ว่าไม่มีประเทศใดซึ่งประชาชนส่วนใหญ่คิดว่าคอร์รัปชันลดลง ผลการสำรวจที่เป็นบวกส่วนใหญ่มาจากสโลวาเกียที่พลเมืองราว 39% คิดว่าลดลง ซึ่งในช่วงระหว่างปี 2020 หลังเกิดเหตุ ฆาตกรรมนักข่าวเชิงสอบสวน Ján Kuciak และคู่หมั้นสาว พบว่าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายสโลวักหลายสิบคนถูกจับข้อหาคอร์รัปชัน