จีนประณามซัมมิตจี7 “ปั่นสถานการณ์การเมือง” และแทรกแซงกิจการภายในของตน จากการออกแถลงการณ์ร่วมวิพากษ์วิจารณ์กรณีสิทธิมนุษยชนในซินเจียงและฮ่องกง รวมถึงการเรียกร้องให้เปิดการสอบสวนหาต้นตอโควิดกันใหม่
ในแถลงการณ์ปิดประชุมสุดยอดเมื่อวันอาทิตย์ (13 มิ.ย.) ผู้นำจี7 ประณามจีนล่วงละเมิดชนกลุ่มน้อยในซินเจียงและนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เรียกร้องให้ปักกิ่ง “มีความรับผิดชอบมากขึ้นในแง่บรรทัดฐานด้านมนุษยธรรมสากล”
ทั้งนี้ กลุ่มสิทธิมนุษยชนระบุว่า จีนกักตัวชาวมุสลิมอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยอื่นๆ ราว 1 ล้านคนในค่ายกักกันในมณฑลซินเจียง ซึ่งปักกิ่งปฏิเสธแข็งขัน โดยระบุว่าเป็นการฝึกอาชีพ พร้อมกับบอกว่าต้องการกำจัดอิทธิพลอิสลามสุดโต่ง
แถลงการณ์จี7 ระบุว่า จี7 จะส่งเสริมค่านิยมของกลุ่ม ซึ่งรวมถึงการเรียกร้องให้จีนเคารพสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน
ในการประชุมสุดยอดครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี ผู้นำ 7 ชาติมั่งคั่งยังประกาศบริจาควัคซีน 1,000 ล้านโดส และให้คำมั่นในการช่วยเหลือเพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สิทธิ์ และการค้า รวมทั้งเรียกร้องให้รัสเซียยุติการกวาดล้างกลุ่มต่อต้านและสื่อภายในประเทศอย่างเป็นระบบ และนำตัวแฮกเกอร์ที่โจมตีด้วยซอฟต์แวร์เรียกค่าไถ่ในประเทศต่างๆ มาลงโทษ
จี7 ยังประกาศตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่เพื่อแข่งขันกับแผนการริเริ่มเส้นทางสายไหมใหม่ของจีน
ต่อมาในวันจันทร์ (14) สถานเอกอัครราชทูตจีนในอังกฤษ ซึ่งเป็นเจ้าภาพซัมมิตจี7 คราวนี้ ออกคำแถลงตอบโต้อย่างเดือดดาล โดยกล่าวหาจี7 ฉกฉวยประโยชน์จากปัญหาซินเจียงเพื่อปั่นสถานการณ์ทางการเมืองและแทรกแซงกิจการภายในของจีน โกหก ปล่อยข่าวลือ และกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐาน ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ฟ้องเจตนาร้ายกาจของไม่กี่ประเทศ เช่น อเมริกา
คำแถลงยังระบุว่า การกล่าวหาจีนในประเด็นเศรษฐกิจและการค้าไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและไม่มีเหตุผล
จี7 ยังเรียกร้องให้เปิดการสอบสวนใหม่เพื่อค้นหาที่มาของไวรัสโคโรนาในจีน ส่งผลให้สถานทูตจีนแถลงตอบโต้ว่า ขณะที่โควิด-19 ยังคงระบาดทั่วโลก นานาชาติจำเป็นต้องร่วมมือกันอย่างเป็นเอกภาพแทนที่จะปล่อยให้มหาอำนาจกลุ่มหนึ่งชักใยสร้างความร้าวฉาน และว่า นักการเมืองในอเมริกาและประเทศอื่นๆ ละเลยข้อเท็จจริงและหลักการทางวิทยาศาสตร์ แต่กลับตั้งคำถามและปฏิเสธข้อสรุปของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญนานาชาติ และกล่าวหาจีนโดยไร้เหตุผล
คำแถลงทิ้งท้ายว่า จีนเป็นประเทศที่รักสันติและส่งเสริมการร่วมมือ แต่ก็มีขีดจำกัด และจีนจะปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์ด้านการพัฒนาประเทศ และจะตอบโต้ความอยุติธรรมและการล่วงละเมิดขั้นเด็ดขาด
ทั้งนี้ ไวรัสโคโรนาอุบัติขึ้นครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่นของจีนเมื่อปลายปี 2019 และองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญนานาชาติไปตรวจสอบหาที่มาในเดือนมกราคม ทว่า ความล่าช้าในการเผยแพร่รายงานที่ลากยาวไปถึงเดือนมีนาคมแถมไม่มีบทสรุป ทำให้การตรวจสอบดังกล่าวถูกวิจารณ์ว่า ปราศจากความโปร่งใส
นอกจากนั้นยังมีการคาดหมายว่า ผู้นำองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่จะประชุมกันในวันจันทร์ที่บรัสเซลส์ จะเพิกเฉยต่อการตอบโต้อย่างดุเดือดของสถานทูตจีน และออกแถลงการณ์ระบุถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้งกรณีไต้หวัน
ซัมมิตนาโตมีเป้าหมายในการแสดงให้ไบเดนเห็นว่า พันธมิตรยังคงสนับสนุนความพยายามของอเมริกาในการส่งเสริมสันติภาพและประชาธิปไตยทั่วโลก ซึ่งรวมถึงการต่อต้านจีนและการขยายอิทธิพลทางทหารอย่างรวดเร็ว
นักการทูตระบุว่า แถลงการณ์ของซัมมิตนาโตอาจไม่ระบุตรงๆ ว่าจีนเป็นศัตรู แต่จะแสดงความกังวลและชี้ว่า จีนเป็นความท้าทายเชิงระบบต่อความมั่นคงในแอตแลนติก จากการที่จีนร่วมกับรัสเซียซ้อมรบ เปิดการโจมตีทางไซเบอร์ และเพิ่มแสนยานุภาพของกองทัพเรืออย่างรวดเร็ว