เกิดเหตุเพลิงไหม้เรือรบคาร์ก (Kharg) ซึ่งเป็นเรือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของกองทัพอิหร่าน ก่อนที่มันจะอับปางลงกลางทะเลในอ่าวโอมานวันนี้ (2 มิ.ย.) ขณะที่ลูกเรือทุกคนได้รับการช่วยเหลือจนปลอดภัย
ทางการอิหร่านยังไม่เปิดเผยต้นตอของอุบัติเหตุครั้งนี้ แต่ที่ผ่านมามักมีข้อครหาเรื่องการโจมตีเรือของอีกฝ่ายระหว่าง 2 ชาติคู่อริอย่างอิหร่านและอิสราเอล
สถานีโทรทัศน์แห่งชาติอิหร่านรายงานว่า คาร์กซึ่งเป็นเรือขนาดใหญ่ที่สุดของกองทัพเรืออิหร่านเกิดเพลิงไหม้ขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 2.25 น. ตามเวลาท้องถิ่น ใกล้ๆ กับท่าเรือจาสก์ (Jask) ขณะกำลังปฏิบัติภารกิจฝึกซ้อมตามวงรอบปกติ
เรือลำนี้ถูกต่อขึ้นในอังกฤษ และปล่อยลงน้ำครั้งแรกในช่วงก่อนการปฏิวัติอิสลามปี 1979 ก่อนจะถูกส่งเข้าประจำการในกองทัพเรืออิหร่านเมื่อปี 1984
เรือลำนี้ถูกใช้สำหรับเติมเชื้อเพลิงและเสบียงให้แก่เรือรบลำอื่นๆ สามารถขนส่งสินค้าที่มีน้ำหนักมาก และยังมีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ด้วย
สื่อทีวีแห่งชาติอิหร่านระบุว่าปฏิบัติการกู้ภัยใช้เวลานานหลายชั่วโมง แต่สุดท้ายก็สามารถอพยพลูกเรือราว 400 คนออกมาได้จนหมด
“ความพยายามที่จะรักษาเรือลำนี้ไว้ไม่ประสบความสำเร็จ และมันอับปางลงในที่สุด” สำนักข่าวฟาร์ส (Fars) ซึ่งเป็นสื่อกึ่งทางการของอิหร่าน รายงาน
เมื่อเดือน เม.ย. เรือซาวิซ (Saviz) ของอิหร่านก็ถูกโจมตีด้วยทุ่นระเบิด (limpet mines) ขณะออกปฏิบัติการในแถบทะเลแดง โดยก่อนหน้านั้นทั้งอิสราเอลและอิหร่านต่างออกมากล่าวโทษซึ่งกันและกันว่าอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีเรือบรรทุกสินค้าเมื่อช่วงปลายเดือน ก.พ.
อิหร่านปฏิเสธที่จะให้การรับรองอิสราเอล นับตั้งแต่มีการปฏิวัติอิสลามเกิดขึ้นเมื่อปี 1979 ซึ่งทำให้สถาบันกษัตริย์แห่งราชวงศ์ปาห์ลาวีที่มีสหรัฐฯ หนุนหลังต้องล่มสลายไป
ทางฝั่งอิสราเอลก็เห็นว่าโครงการนิวเคลียร์อิหร่านเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อการดำรงอยู่ของรัฐยิว
เหตุโจมตีเรือในตะวันออกกลางเริ่มเกิดถี่ขึ้นตั้งแต่ โจ ไบเดน ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อเดือน ม.ค. และรับปากจะนำอเมริกาหวนคืนสู่ข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์อิหร่านปี 2015 โดยมีข้อแม้อยู่ว่าเตหะรานจะต้องยอมกลับไปทำตามเงื่อนไขเดิมอย่างเคร่งครัด
อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้นำสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์อิหร่านเมื่อเดือน พ.ค. ปี 2018 ในความเคลื่อนไหวที่สร้างความพอใจต่ออิสราเอลที่ไม่ต้องการให้อิหร่านดำเนินโครงการนิวเคลียร์ต่อไปได้ในทุกกรณี
ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี