นายกรัฐมนตรี มูห์ยิดดิน ยัสซิน แห่งมาเลเซีย แถลงเมื่อวันจันทร์ (31พ.ค.) อัดฉีดงบประมาณเพิ่มเติมอีก 40,000 ล้านริงกิต (ราว 302,000 ล้านบาท) ก่อนกำหนดมาตรการล็อกดาวน์เข้มข้นขึ้นสกัดการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้กำลังพบเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันถือว่ามากกว่า อินเดีย ด้วยซ้ำ หากเปรียบเทียบในอัตราต่อจำนวนประชากร
มาเลเซียพบผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตรายวันสูงสุดเท่าที่เคยมีมาในวันเสาร์ (29พ.ค.) แม้นับตั้งแต่นั้นจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตรายวันลดลงมาแล้วก็ตาม
ทั้งนี้มาเลเซียจะเข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์อันเข้มข้นเริ่มตั้งแต่วันอังคาร (1มิ.ย.) เป็นต้นไป โดยมีเพียงภาคการผลิตและภาคบริการที่มีความจำเป็นเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้ดำเนินงาน
"หากไม่ใช้มาตรการที่เข้มข้นในทันที มีความกังวลว่าระบบสาธารณสุขของประเทศจะล่มสลายและเราจะผชิญกับหายนะเลวร้าย" มูห์ยิดดินแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐ
แพ็คเกจเยียวยาใหม่นี้จะรวมไปถึงการอัดฉีดทางการคลัง 5,000 ล้านริงกิต (ราว37,000ล้านบาท) แม้รัฐบาลมีพื้นที่ทางการคลัง (fiscal space) อย่างจำกัด
นับตั้งแต่ปีที่แล้ว มาเลเซียอัดฉีดงบประมาณไปแล้วราว 340,000 ล้านริงกิต (2.55 ล้านล้านบาท) ในมาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากโรคระบาดใหญ่ที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ในมาตรการเยียวยาใหม่นี้ จะรวมไปถึงการแจกเงิน 2,100 ล้านริงกิต (ราว 16,000 ล้านบาท) พักชำระหนี้บางส่วน เงินช่วยเหลือสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก และอุดหนุนเงินเดือนสำหรับบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ มูห์ยิดดินระบุ
นอกจากนี้แล้วนายกรัฐมนตรีรายนี้บอกด้วยว่ารัฐบาลจะใช้จ่ายเงิน 1,000 ล้านริงกิต (7,500 ล้านบาท) สำหรับเพิ่มศักยภาพด้านสาธารณสุข
เศรษฐกิจของมาเลเซียอยู่บนเส้นทางของการฟื้นตัวในไตรมาสแรก ก่อนที่การแพร่ระบาดจะเริ่มพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง
สำนักงานสถิติแห่งชาติมาเลเซีย รายงานตัวเลข GDP โดยในปี 2020 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจถดถอยที่ -5.6% ถือเป็นผลงานแย่ที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินเอเชีย แต่ธนาคารกลางของประเทศคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัว 6% - 7.5% ในปีนี้
(ที่มา:รอยเตอร์ส)