เกิดเหตุพนักงานคนหนึ่งกราดยิงเพื่อนร่วมงานในอู่รถไฟฟ้าที่เมืองซานโฮเซ รัฐแคลิฟอร์เนีย ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 คน ก่อนยิงตัวตายตามไปด้วยเมื่อเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายใกล้เข้าไปถึงตัว ด้านเมียเก่าเผยเคยพล่ามเรื่องฆ่าคนที่ทำงานเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว ขณะที่แฟนเก่าอีกคนเล่าว่า มือปืนเป็นโรคไบโพลาร์และชอบใช้ความรุนแรง
เหตุกราดยิงนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 6.30 น. วันพุธ (26 พ.ค.) ในอาคาร 2 แห่ง บริเวณอู่รถไฟฟ้ารางเบาของของสำนักงานขนส่งแวลลีย์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถโดยสารประจำทาง รถไฟรางเบา และรถไฟอื่นๆ ตลอดทั่วเทศมณฑลซานตาคลารา ซึ่งเป็นเทศมณฑลที่มีประชากรมากที่สุดในย่านซานฟรานซิสโก เบย์ แอเรีย
ผู้ถูกยิงเสียชีวิตมีด้วยกัน 8 คน เป็นพนักงานที่ทำงานขับรถโดยสาร ขับรถไฟรางเบา ช่างเครื่อง เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและซ่อมบำรุงทางรถไฟ และผู้ช่วยหัวหน้างาน อายุของเหยื่อเหล่านี้มีตั้งแต่ 29 จนถึง 63 ปี นอกจากนั้นยังมีชายอีกคนได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกนำส่งโรงพยาบาล
สำหรับมือปืนถูกระบุชื่อว่า แซมมวล แคสซิดี วัย 57 ปี เป็นพนักงานซ่อมบำรุง และเข้าทำงานมาตั้งแต่ปี 2012 เป็นอย่างน้อย
เนื่องจากสำนักงานเจ้าพนักงานปกครองเทศมณฑลซานตาคลาราอยู่ติดกับอู่รถไฟฟ้าซึ่งให้บริการประชาชนกว่า 1 ล้านคนในย่านใจกลางซิลิคอนแวลลีย์แห่งนี้ จึงไปถึงที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็วและป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียมากกว่านี้
ลอรี สมิธ เจ้าพนักงานปกครองเทศมณฑลซานตาคลารา เผยว่า ตอนที่เจ้าหน้าที่ไปถึงที่เกิดเหตุ แคสสิดี้ยังรัวกระสุนอยู่ ก่อนยิงตัวเองตายเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่
เจฟฟ์ โรเซน อัยการเขตซานตาคลาราสำทับว่า ผู้ก่อเหตุมีปืนมากกว่าหนึ่งกระบอก และยังไม่รู้ว่า ได้มาโดยถูกกฎหมายหรือไม่
เหตุการณ์นี้ถือเป็นการกราดยิงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากเป็นครั้งที่ 15 ที่เกิดขึ้นในอเมริกาในรอบปีนี้ โดยจำนวนผู้เสียชีวิตเฉลี่ยแต่ละครั้งอย่างน้อย 4 คน รวมทั้งหมด 86 คน
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน สั่งลดธงครึ่งเสาที่ทำเนียบขาว และเรียกร้องให้รัฐสภาเร่งผ่านกฎหมายควบคุมอาวุธปืน ขณะที่เกวิน นิวซอม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุและตั้งคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับอเมริกา
แม้เจ้าหน้าที่สอบสวนไม่ได้ระบุแรงจูงใจของเหตุสะเทือนขวัญนี้ แต่ เซซิเลีย เนล์มส์ เล่าทั้งน้ำตาว่า ผู้ก่อเหตุคือแคสซิดี สามีเก่าของเธอ มักกลับบ้านด้วยความขุ่นเคืองกับสิ่งที่เจ้าตัวบอกว่า เป็นการมอบหมายงานอย่างไม่เป็นธรรม และบอกว่า อยากฆ่าคนที่ทำงาน แต่เธอไม่เชื่อว่า จะเกิดขึ้นจริงจนกระทั่งตอนนี้
ทั้งคู่แต่งงานอยู่กินกันประมาณ 10 ปีจนหย่าร้างในปี 2005 และขาดการติดต่อกันราว 13 ปี
นอกจากนั้น มีอดีตแฟนอีกคนของแคสซิดี้ ระบุในเอกสารบันทึกคำให้การในศาลว่า แคสซิดี้เป็นคนอารมณ์แปรปรวน ชอบใช้ความรุนแรง และอารมณ์เหวี่ยงมากเนื่องจากมีอาการไบโพลาร์ (โรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้ว) ซึ่งจะยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อดื่มหนัก
เอกสารซึ่งเป็นคำให้การของหญิงสาวคนดังกล่าวภายหลังจากที่เธอถูกแคสซิดีฟ้องเพื่อให้ศาลออกคำสั่งห้ามไม่ให้เธอเข้าใกล้ ยังระบุว่า หลายครั้งที่เมา เขาจะบังคับขืนใจเธอ
ดั๊ก ซู ที่อยู่บ้านตรงข้ามของแคสซิดี ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งว่า แคสซิดีเป็นคนแปลก และไม่เคยพาใครไปบ้านเลย ซูเสริมว่า เขาเคยทักทายเวลาเจอกัน แต่แคสซิดีกลับมองเฉยๆ และในที่สุดเขาก็เลิกพยายามพูดคุยด้วยหลังถูกแคสซิดี้ตะโกนด่า
เจ้าหน้าที่ยังตรวจหาระเบิดในบริเวณลานที่เกิดเหตุและอาคารใกล้เคียง หลังพบระเบิดอย่างน้อย 2 ลูก รวมทั้งเข้าค้นบ้านของแคสซิดี้ที่เกิดไฟไหม้เกือบพร้อมกับการกราดยิง
เหตุการณ์นี้ถือเป็นการกราดยิงนองเลือดที่สุดในซานฟรานซิสโก เบย์แอเรีย นับจากปี 1993 ที่มือปืนโจมตีสำนักงานกฎหมายหลายแห่งในย่านการเงินของซานฟรานซิสโก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 คน ก่อนปลิดชีพตัวเอง และเป็นครั้งที่สองในซานตาคลาราในช่วงเวลาไม่ถึง 2 ปี
(ที่มา: เอพี, เอเอฟพี)
