ฮ่องกงหวั่นต้องทิ้งวัคซีนป้องกันโควิดหลายล้านโดสที่กำลังจะหมดอายุในอีกไม่กี่เดือนนี้ เนื่องจากประชาชนยังลังเลและระบุว่าไม่เชื่อมั่นในรัฐบาล ด้านอินเดียแม้จำนวนเคสใหม่ลดลงครั้งแรกในรอบเกือบ 6 สัปดาห์ แต่ผู้นำรัฐบาลยอมรับว่า ปัญหาน่าหนักใจตอนนี้คือการขาดแคลนวัคซีน ส่วนญี่ปุ่นยืนยันคำเตือนของสหรัฐฯให้ชาวอเมริกันหลีกเลี่ยงการเดินทางเยือนแดนอาทิตย์อุทัย ไม่ส่งผลต่อกีฬาโอลิมปิกที่จะจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคม
ฮ่องกงเป็นหนึ่งในไม่กี่ที่ทั่วโลกซึ่งมีเงินจัดหาวัคซีนโควิด-19 มากเกินพอสำหรับฉีดให้ประชากรทั้งหมด 7.5 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ความไม่ไว้วางใจรัฐบาลภายหลังการปราบปรามผู้ต่อต้าน บวกกับการเผยแพร่ข้อมูลผิดๆ บนโลกออนไลน์ รวมทั้งการรอดพ้นมาได้ไม่มีการติดเชื้อหนักหนาสาหัสจากการระบาดระลอกใหม่ในขณะนี้ ทำให้คนฮ่องกง ไม่เว้นแม้แต่บุคลากรทางการแพทย์ ไม่เห็นความจำเป็นและมีความลังเลที่จะฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่
ในวันอังคาร (25) สมาชิกผู้หนึ่งในทีมเฉพาะกิจด้านวัคซีนของรัฐบาล ออกมาเตือนประชาชนว่า เหลือเวลาอีกแค่ 3 เดือนเท่านั้นก่อนที่วัคซีนล็อตแรกซึ่งเป็นของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทคจะหมดอายุ
โทมัส ชาง อดีตผู้ตรวจการศูนย์เพื่อการปกป้องสุขภาพ เปิดเผยกับสถานีวิทยุอาร์ทีเอชเคว่า วัคซีนที่มีอยู่และกำลังจะหมดอายุนี้ อาจเป็นวัคซีนทั้งหมดที่ฮ่องกงจะมีใช้ได้สำหรับตลอดปีนี้ รวมทั้งตามแผนปัจจุบัน ศูนย์ฉีดวัคซีนชุมชนจะยุติการปฏิบัติงานหลังเดือนกันยายน
ฮ่องกงสั่งซื้อวัคซีน 7.5 ล้านโดสจากไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค และอีก 7.5 ล้านโดสจากซิโนแวคของจีน และได้ยกเลิกการสั่งซื้อแอสตราเซเนกาล่วงหน้า 7.5 ล้านโดสเมื่อต้นปีเพื่อกันงบประมาณไว้จัดซื้อวัคซีนรุ่นที่ 2 ในปีหน้า
แต่จนถึงขณะนี้ มีคนฮ่องกงเพียง 19% ที่ฉีดวัคซีนโดสแรก และ 14% ฉีดครบ 2 โดส
ฮ่องกงประกาศในวันอังคาร ขยายโครงการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมถึงผู้ที่ไม่ได้มีถิ่นฐานอยู่ในฮ่องกง โดยจะมีชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีใบอนุญาตทำงาน 40,000 คน และผู้ขอลี้ภัยราว 13,000 คนได้รับสิทธิ์นี้
ความลังเลในการฉีดวัคซีนของคนฮ่องกงเกิดขึ้นขณะที่ประเทศและดินแดนใกล้เคียงจำนวนมาก ต้องดิ้นรนจัดหาวัคซีนให้เพียงพอต่อสู้กับการระบาดของไวรัสโคโรนา
อินเดียคือหนึ่งในประเทศเหล่านั้น โดยแม้เมื่อวันอังคาร จำนวนผู้ติดเชื้อในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาตามรายงานของทางการได้ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 6 สัปดาห์ กระตุ้นความหวังว่า การระบาดระลอกสองอาจใกล้จบลงเร็ววัน ทว่า ผู้นำรัฐบาลกลับระบุว่า ปัญหาน่าหนักใจตอนนี้คือการขาดแคลนวัคซีนสำหรับฉีดให้ประชาชน เพื่อต่อสู้รับมือกับโควิด-19 ได้อย่างยืนยาว
เวลานี้มีคนอินเดียไม่ถึง 3% จากทั้งหมด 1,300 ล้านคนได้ฉีดวัคซีน ซึ่งถือว่า ต่ำที่สุดในบรรดา 10 ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลก ส่งผลให้แดนภารตะที่ระบบสาธารณสุขด้อยคุณภาพอยู่แล้วเสี่ยงที่จะเผชิญการระบาดระลอกใหม่ๆ อีก
ทั้งสถาบันเซรัมแห่งอินเดีย ซึ่งรับผลิตวัคซีนของแอสตราเซเนกา และภารัต ไบโอเทค ซึ่งเป็นบริษัทท้องถิ่นที่ผลิตวัคซินอินเดียชื่อโคแวกซิน ต่างกำลังเร่งเพิ่มกำลังผลิต กระนั้น ซัปพลายวัคซีนยังคงคงขาดแคลนหลายล้านโดส
กระทรวงสาธารณสุขอินเดียรายงานในวันอังคารว่า รอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 196,427 คน ต่ำสุดนับจากวันที่ 14 เมษายน และไม่ถึงครึ่งของสถิติสูงสุด 414,188 คนเมื่อวันที่ 8 เดือนนี้ รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสม 26.95 ล้านคน กระนั้น มีความกังวลอย่างกว้างขวางว่า จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ที่ไม่ได้รับการรายงานอาจสูงกว่านี้มาก
สำหรับยอดผู้เสียชีวิตที่รายงานเมื่อวันอังคารอยู่ที่ 3,511 คน รวมสะสมทั้งหมดเป็น 307,231 คน
นิตยสารอิโคโนมิสต์ประเมินว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในอินเดียแท้จริงแล้วน่าจะอยู่ที่ 1 ล้านคน เมื่อเปรียบเทียบกับ 590,240 คนในอเมริกาที่ถือว่า เป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตและติดเชื้อจากไวรัสโคโรนามากที่สุดในโลก
ทางด้านญี่ปุ่น ทามาโย มารุกาวะ รัฐมนตรีดูแลเรื่องโอลิมปิก แถลงในวันอังคารว่า คำเตือนที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯออกมาเมื่อวันจันทร์ (24) ให้พลเมืองงดเว้นเดินทางมาญี่ปุ่นนั้น ไม่ได้มีการพาดพิงถึงโตเกียวโอลิมปิกโดยเฉพาะเจาะจง
ส่วน คัตสึโนบุ คาโตะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำทับว่า ญี่ปุ่นติดต่อใกล้ชิดกับรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งไม่ได้เปลี่ยนแปลงท่าทีในการให้การสนับสนุนการตัดสินใจของโตเกียวในการเป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิกในอีกสองเดือนข้างหน้าแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของญี่ปุ่นและคณะกรรมการโอลิมปิกสากลประกาศว่า จะจัดโตเกียวโอลิมปิกตามกำหนดตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม หลังจากที่เลื่อนมาจากปีที่แล้ว ถึงแม้ผลสำรวจพบว่า ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ล้นหลามต้องการให้ยกเลิกหรือเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากกังวลกับโควิดที่กำลังระบาดหนักก็ตาม
(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี)