ออสเตรเลียยกระดับคุมเข้มโควิด-19 ในนครเมลเบิร์น เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ พร้อมเร่งติดตามสอบสวนโรคเพื่อหาจุดเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มผู้ติดเชื้อที่พบใหม่ในรอบเกือบ 3 เดือน ซึ่งล่าสุดเพิ่มจำนวนเป็น 5 รายแล้ว
ทางการเมลเบิร์นได้มีคำสั่งห้ามรวมกลุ่มสังสรรค์ในบ้านเกิน 5 คน, จำกัดการรวมกลุ่มในที่สาธารณะไม่เกิน 30 คน และบังคับสวมหน้ากากอนามัยในร้านอาหาร, ผับ หรือสถานที่กลางแจ้งอื่นๆ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันนี้ (25 พ.ค.) เรื่อยไปจนถึงวันที่ 4 มิ.ย.
การระบาดซ้ำครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐวิกตอเรียมีผู้ติดเชื้อในชุมชนเป็น “ศูนย์” มานานเกือบ 3 เดือน
รัฐวิกตอเรียเคยได้รับผลกระทบหนักสุดขณะที่โควิด-19 ระบาดระลอกสองเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว โดยมีจำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตคิดเป็น 70% และ 90% ของทั้งประเทศ จนทางการต้องตัดสินใจนำมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มข้นและยาวนานเป็นอันดับต้นๆ ของโลกมาใช้ จึงคุมสถานการณ์ได้อยู่
เจมส์ เมอร์ลิโน รักษาการนายกรัฐมนตรีแห่งรัฐวิกตอเรีย ให้สัมภาษณ์สื่อที่นครเมลเบิร์นวันนี้ (25) ว่า ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อใหม่ในชุมชนเพิ่มขึ้นอีก 1 ราย เพิ่มขึ้นจากสถิติ 4 รายเมื่อวาน (24) โดยทั้ง 5 คนเป็นสมาชิกในครอบครัวขยาย และจากการสอบสวนพบว่าเป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดียวกันกับที่พบในผู้เดินทางคนหนึ่งซึ่งผ่านการกักตัวที่เมืองแอดดิเลด (Adelaide) จนครบวันแล้ว ก่อนจะเข้ามายังเมลเบิร์นเมื่อต้นเดือนนี้
อย่างไรก็ตาม ทางการยังไม่ได้ข้อสรุปว่าผู้ป่วย “คลัสเตอร์” นี้รับเชื้อมาจากผู้เดินทางจากต่างประเทศคนดังกล่าวได้อย่างไร
ชาวเมลเบิร์นหลายพันคนได้รับคำสั่งให้กักตัวและเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทันที และทางการได้ประกาศให้หลายสถานที่เป็นพื้นที่เสี่ยงสูง รวมถึงห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของออสเตรเลีย
ชาวเมลเบิร์น 5 ล้านคนยังได้รับคำเตือนให้เตรียมพร้อมรับมือในกรณีที่ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นในช่วง 2-3 วันข้างหน้า เนื่องจากพบว่าผู้ติดเชื้อรายหนึ่งมีปริมาณเชื้อไวรัสสูงขณะเดินทางไปยังสถานที่บางแห่ง
การระบาดครั้งล่าสุดที่เมลเบิร์นเกิดขึ้นในขณะที่รัฐบาลออสซี่เร่งรัดโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่คนในประเทศ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขออกมาแสดงความกังวลว่า ชาวออสเตรเลียจำนวนไม่น้อยยังลังเลที่จะเข้ารับวัคซีน เนื่องจากเห็นว่ารัฐบาลประสบความสำเร็จในการควบคุมโรคแล้ว
ที่มา: รอยเตอร์